การรักษา cholesterol
ในเลือดสูงด้วยอาหาร
ประกอบด้วยหลักการ 7 ประการ
- รับประทานที่ให้พลังงานแต่พอควร
การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานมากกว่าร่างกายนำไปใช้ จะก่อให้เกิดโรคอ้วนในที่สุด
ซึ่งมีผลทำให้ VLDL-Triglyceride
ในเลือดสูงขึ้น HDL-cholesterol
ในเลือดต่ำ ตลอดจนอาจทำให้ LDL-cholesterol ในเลือดสูงขึ้น
ผู้ที่อายุมากกว่า20ปีสามารถประเมินตนเองว่าอ้วนหรือไม่ได้2วิธีคือ
- อัตราส่วนเส้นรอบเอวต่อเส้นรอบวงสะโพก
ผู้ชายและผู้หญิงควรมีเส้นรอบเอวที่ระดับสะดือต่อเส้นรอบวงสะโพกน้อยกว่า 1 และ 0.8ตามลำดับ หรืออาจจะวัดเส้นรอบเอวผู้ชายไม่ควรเกิน 90 ซม.ส่วนผู้หญิงไม่เกิน 80 ซม.
- ดัชนีมวลกายโดยเอาน้ำหนัก(กก)หารด้วยส่วนสูง(เมตร)ยกกำลังสองค่าปกติอยู่ระหว่าง
20.00-25.00กก/ตารางเมตร
- ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินควรจะลดปริมาณอาหารลง
- รับประทานไขมันทั้งหมดไม่เกินร้อยละ30ของพลังงานที่ได้รับประทานไขมันที่มีสัดส่วนของกรดไขมันอย่างเหมาะสมดังนี้
- รับประทานไขมันอิ่มตัว [saturated fat]ให้น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับเพราะไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่เพิ่ม LDL-cholesterol ในกระแสเลือด
- รับประทานกรดไลโนเลอิก [linoleic acid] ร้อยละ 7ของพลังงานที่ได้รับโดยมีเหตุผล 2ประการคือป้องกกันการขาดกรดไลโนเลอิกและลดระดับ LDL-cholesterol
- รับประทานกรดแอลฟา-ไลโนเลอิด [alfa-linolenic acid] ร้อยละ 0.5-1.0 ของพลังทั้งหมด
- รับประทานกรดโอเลอิก [oleic acid] ร้อยละ10-15ของพลังงานทั้งหมดเพราะกรดนี้สามารถ LDL-cholesterol ได้ดีพอๆกับไลโนเลอิก
ในทางปฏิบัติกระทำได้โดยการบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองวันละ1.5-4.5ช้อนโต๊ะและหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันปาล์ม กะทิเนยเหลว เนยเทียมแข็ง นม ครีม ไอสครีม หมูสามชั้นเนื้อติดมันมากๆ ไส้กรอกอาหารทอดนอกบ้าน เช่นปาท่องโก๋ กล้วย ทอดมัน
- รับประทานไขมันcholesterolไม่เกินวันละ
300 มก. อาหารที่มีคอเลสเตอรอลมากคือสมองสัตว์
เครื่องในสัตว์ ไข่แดง
จึงหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้
ส่วนเนื้อไม่ติดมันรับประทานได้พอควร
- รับประทานโปรตีนร้อยละ15-20ของพลังงานที่ได้รับ
โดยเลือกเนื้อที่มีไขมันไม่มากเช่น
เนื้อไก่ เนื้อปลา
นมพร่องมันเนยถั่วเหลือง
ไข่ไม่เกินวันละฟอง
- รับประทานคาร์โบไฮเดรตร้อยละ
55-60 ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทานผักและผลไม้ที่ไม่หวานเพราะใยอาหารจะช่วยลด
cholesterolในเลือด
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง(มากกว่า3กรัม/อาหาร100 กรัม)
แอปเปิล |
แพร์ |
ฝรั่ง |
ถั่วเขียว |
ข้าวโพดอ่อน |
แครอท |
ถั่วแระ |
ถั่วฝักยาว |
เม็ดแมงลัก |
ถั่วลิสง |
งา |
รำข้าว |
เมล็ดทานตะวัน |
ถั่วแดง |
มะเขือพวง |
สะเดา |
ผักกระเฉด |
กระเทียม |
เห็ดหูหน |
ใบชะพลู |
อาหารที่มีไฟเบอร์ปานกลาง(1-3
กรัม/อาหาร 100 กรัม)
ขนมปังโฮลวีท |
สปาเกตต |
มะกะโรน |
ข้าวซ้อมมือ |
กะหล่ำปล |
ข้าวโพดต้ม |
พุทรา |
น้อยหน่า |
ตะขบ |
ถั่วฝักยาว |
ถั่วลันเตา |
กล้วย |
ฝรั่ง |
มะม่วงดิบ |
มะละกอสุก |
ส้มเช้ง |
ข้าวกล้อง |
เห็ด |
|
|
- เลือกใช้น้ำมันให้ถูกต้อง
ควรเลือกใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน[monounsaturated]สูง
กรดไลโนเลอิก
และไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโพลี่
[polyunsaturated] พอควร ไขมันอิ่มตัว[saturated]ต่ำ
ดังนั้นที่ดีคือ
น้ำมันมะกอก
รองลงมาคือน้ำมันถั่วเหลือง
และน้ำมันข้าวโพด
สัดส่วนไขมันในน้ำมันชนิดต่างๆ
|
กรดไลโนเลอิก [linoleic acid] |
ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน monounsaturated fat |
ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโพลี่ polyunsaturated fat |
ไขมันชนิดอิ่มตัว saturated fat |
เนย/หมู/ปาล์ม |
2% |
30% |
2% |
66% |
เมล็ดนุ่น |
- |
19% |
54% |
27% |
ถั่วลิสง |
---- |
48% |
34% |
18% |
ถั่วเหลือง |
7% |
24% |
54% |
15% |
มะกอก |
1% |
77% |
8% |
14% |
ข้าวโพด |
1% |
25% |
61% |
13% |
ดอกทานตะวัน |
--- |
20% |
69% |
11% |
น้ำมันงา |
|
40% |
42% |
14% |
น้ำมันไก่ |
|
47% |
21% |
31 |
กระทิ |
|
6% |
2% |
|
การรักษาไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงด้วยอาหาร
ประกอบด้วยหลักการ 4 ประการคือ
- จำกัดพลังงานที่รับประทานร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ลดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาล
- หยุดสุราโดยเด็ดขาด
- หลักการต่างๆที่ได้กล่าวในรักษา
cholesterol สูงโดยการควบคุมอาหาร
ไขมันในเลือด การเจาะเลือดตรวจ การรักษา อาหารสำหรับ cholesterol สูง อาหารสำหรับ triglyceride สูง การประเมินความเสี่ยง butter vs magarine ไขมันที่ดีและไม่ดี