น้ำมันปลาป้องกันโรคหัวใจ
มีหลักฐานสนับสนุนว่า omega-3 fatty acids สามารถลดการเกิดโรคหัวใจ หรืออัตราการตายจากโรคหัวใจ ทั้งผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วหรือผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจโดยผ่านกลไกดังนี้
- พบว่าน้ำมันปลาหรือ omega-3 fatty acidsไม่ได้เปลี่ยนแปลงระดับ total cholesterol, HDL cholesterol,หรือ LDL cholesterol แต่จะลดระดับ Triglyceride ในกระแสเลือด
- นำมันปลาสามารถลดระดับความดันได้เล็กน้อย ลดการเกิดโรคหลอดเลือดตีบซ้ำ เพิ่มความสามารถในการออกกำลังกาย
- ลดการเต้นผิดปกติของหัวใจ
นอกจากนั้นจากการศึกษาพบว่า
- น้ำมันปลาไม่มีผลต่อระดับน้ำตาล หรือ ระดับของ insulin ในกระแสเลือดทำให้รับประทานได้อย่างปลอดภัย
- น้ำมันปลาที่มาจากพืชช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ แต่ประสิทธิภาพสู้น้ำมันปลาที่มาจากสัตว์ไม่ได้
- น้ำมันปลาไม่มีผลต่อโรคหอบหืด
- น้ำมันปลามีผลเล็กน้อยต่อโรคลำไส้อักเสบ โรคไต
การป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคมาก่อน Secondary prevention
- จากการรวบรวมรายงานพบว่ามีการให้น้ำมันปลาตั้งแต่ 0.27 to 4.8 g/วันอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง แต่ไม่ลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- มีการศึกษาให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีน้ำมันปลา หรือปลาเพิ่มขึ้นพบว่าอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง
- มีการศึกษา 6 การศึกษาพบว่าการรับประทานน้ำมันปลา หรืออาหารที่มีน้ำมันปลาสูงจะลดอัตราการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน
การป้องกันโรคปฐมภูมิ Primary prevention
- จากการศึกษาใช้เวลา 4-30 ปีการศึกษาส่วนใหญ่พบว่าการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง แต่การเกิดโรคหลอดเลือดสมองไม่เปลี่ยนแปลง
- จากการศึกษาของ The Physicians' Health Study, ศึกษากับคนจำนวน 20,551คนเป็นเวลา 12 ปีพบว่าอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงร้อยละ 50 แม้ว่าจะรับประทานปลาเพียงเดือนละครั้ง
สมาคมโรคหัวใจแนะนำสำหรับการรับประทานomega-3 fatty acids
- แนะนำให้รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งโดยเฉพาะปลาที่มีไขมันสูง เช่น mackerel, lake trout, herring, sardines, albacore tuna and salmon
- รับประทานถั่วหรือพืชที่มีไขมันชนิดนี้สูงได้แก่ soybeans, canola, walnut and flaxseed, and their oils
กลุ่มคน |
คำแนะนำ |
ผู้ที่ไม่มีโรคหัวใจ |
รับประทานอาหารที่มีไขมัน omega สูงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่นปลาที่มีไขมันสูง ถั่ว |
ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ |
แนะนำให้รับประทานปลาที่มีไขมันสูงโดยรับประทานประมาณวันละ 1 g of EPA+DHA |
ผู้ที่มีไขมัน Triglyceride สูง |
แนะนำให้รับประทานน้ำมันปลา 2-4 กรัมต่อวัน |
ข้อสรุป
แนวทางในการรับประทานอาหารที่มีไขมัน omega-3 fatty acidsสูงได้แก่
- รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- รับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติ
- รับประทานผักและผลไม้ทุกวัน เพิ่มอาหารพวกถั่ว
- รับประทานอาหารที่มี omega-3 fatty acids สูงได้แก่ปลา ผักใบเขียว ถั่วต่างๆ
- ใช้น้ำมัน มะกอก and canola oil ในการปรุงอาหาร
- ดื่มน้ำเปล่า หรือ ชาเขียว หรือไวน์แดง
- หลีกเลี่ยงเนื้อแดง หนังสัตว์
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำด้วย Tran fatty acid ของทอดขบเคี้ยวต่าง ของทอดFast food, hard margarine
- งดอาหารหวาน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ประโยชน์ของของนำมัน omega-3 fatty acids
ไขมันในเลือดสูง จะเลือก butter หรือ magarine ถั่วต่างๆ ไขมันที่ดีและไขมันที่ไม่ดี การลดไขมัน
ไขมันในเลือดสูง | จะเลือก butter หรือ magarine | ถั่วต่างๆ | ไขมันที่ดีและไขมันที่ไม่ดี | การลดไขมัน | น้ำมันปลา | ปริมาณไขมันในอาหาร | ไขมัน Trans fatty acids