jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

การรักษาให้หัวใจเต้นปรกติ Rhythm control

หัวใจเต้นสั่นพริ้วจะทำให้เกิดผลเสียกล่าวคือทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดลดลง มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวาย ดังนั้นเป้าหมายการรักษาจะต้องทำให้หัวใจกลับมาเต้นปรกติดังที่เรียกว่า Rhythm control แต่ก็ยังมีข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถจะทำให้หัวใจกลับมาเต้นปรกติ หัวใจเต้นพริ้วหรือที่เราเรียกว่า atrial fibrillation ส่วนหัวใจเต้นจังหวะปรกติเรียก sinus rhythm หากหัวใจเต้นสั่นพริ้วนานโอกาศที่รักษาแล้วจะกลับสู่ปรกติจะน้อยลง โดยเฉพาะเป็นนานเกิน 6 เดือน

การเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจเราเรียกว่า Cardioversion ซึ่งมีวิธีการได้ 3 วิธีได้แก่



  1. การเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจด้วยการช็อคไฟฟ้า Electrical cardioversion

    เป็นการใช้เครื่องช็อคไฟฟ้าเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจ แพทย์จะให้ยานอนหลับก่อนการช็อคไฟฟ้า แต่การเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจด้วยไฟฟ้าไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีลักษณะดังนี้

การหัวใจสั่นพริ้วเป็นมาไม่เกิน 24 ชั่วโมงก็ไม่ต้องให้ป้องกันลิ่มเลือด หากเป็นหัวใจสั่นพริ้วนานจะต้องได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนการเปลี่ยนการเต้น และจะต้องให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวไปอีกอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์หลังจาการเปลี่ยนจังหวะการเต้น

ตัวอย่างยาและขนาดที่ใช้

การให้ยาหลังจากการเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจ

ไม่ว่าการเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจจะใช้ยาหรือการใช้ไฟฟ้าช็อคหัวใจ แพทย์จะต้องให้ยาเพื่อป้องกันหัวใจมิให้กลับไปเต้นผิปรกติอีก ยาที่นิยมใช้ได้แก่

การเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจจะใช้กับผู้ป่วยประเภทใด

จะใช้กับผู้ป่วยที่หัวใจเต้นสั่นพริ้วแบบเป็นๆหายๆ และแบบ persistant ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

3การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

หากการรักษาดรคหัวใจสั่นพริ้วด้วยยา หรือการช็อคไฟฟ้าไม่ได้ผล แพทย์จะแนะนำการรักษาอื่น(ต้องอยู่ในสถาบันที่มีความพร้อม) ซึ่งมีวิธีการรักษาดังนี้

 

จาก การรักษาข้างต้น ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา และมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การทำ AV node ablation ร่วมกับการใส่ permanent pacemaker, การผ่าตัด Maze procedure เป็นต้น ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้ป่วยควรได้รับการส่งต่อเพื่อรับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ.

จะเห็นว่าการปฏิบัติโดยทั่วไปไม่ได้จำเป็นต้องทำ ECHO ทุกราย กรณี AF ปัจจุบัน การรักษามักเน้นที่การให้ยาควบคุม rate และป้องกัน clot มากกว่าที่จะต้องทำอะไรมากกว่านี้ ยกเว้นว่าตรวจร่างกายสงสัยจะมีโรคหัวใจอื่นอยู่ด้วย ก็อาจขอทำ ECHO เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการรักษา.

การรักษาโรคหัวใจเต้นสั่นพริ้ว การรักษาโดยการควบคุมการเต้น การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด