ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด19


การแพร่กระจายของเชื้อโควิด | อาการของโรคโควิด19 | ความรุนแรงของโรคติดเชื้อโอไมครอน | การติดต่อของโรคโควิด | การติดเชื้อโควิคจะเกิดได้ง่ายที่สุดช่วงไหน | เมื่อสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นโควิดจะต้องกักตัวนานแค่ไหน | เมื่อติดโรคโควิดแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง | ฉันจะกลับไปใกล้ชิดกับผู้อื่นได้ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ | ฉีดวัคซีนแล้วจะป้องกันการติดเชื้อโควิคได้หรือไม่ | การป้องกันการติดเชื้อโควิด | การตรวจหาการติดเชื้อโควิด19


โควิด19 omicron

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโอไมครอน

คนที่ติดเชื้อโอไมครอนจะมีอาการเร็วกว่าการติดเชื้อโควิด19ชนิดอื่นกล่าวคือ ผู้ติดเชื้อ omicron จะมีอาการหลังติดเชื้อประมาณ 3 วันในขณะที่เชื้อดั้งเดิมจะมีอาการหลังติดเชื้อประมาณ 5-6 วัน ส่วนสายพันธุ์เดลต้าจะมีอาการหลังติดเชื้อประมาณ 5 วัน การที่มีอาการเร็วก็หมายถึงว่าเชื้อสามารถแพร่กระจายโดยที่คนติดเชื้ออาจจะไม่มีอาการ

การแพร่กระจายของเชื้อโควิด

ระยะฟักตัวของโรค incubation Period

เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายก็จะมีการแบ่งตัวภายในเซลล์ของร่างกาย เมื่อจำนวนเชื้อแบ่งตัวได้มากถึงจำนวนหนึ่งก็จะเกิดอาการของโรคเราเรียกระยะเวลานี้ว่าระยะฟักตัวของโรค ในแต่ละคนระยะฟักตัวของโรคไม่เท่ากัน และระยะฟักตัวของแต่ละโรคก็ไม่เท่ากัน ระยะฟักตัวของโลกโควิค19 จะอยู่ประมาณ 2 ถึง 14 วัน โรค จากรายงานของ CDC พบว่าร้อยละ 95 ของผู้ป่วยจะเกิดอาการภายในระยะเวลา 11.5วัน โดยเฉลี่ยจะเกิดอาการของโลก covid หลังจากได้รับเชื้อแล้วประมาณ 5 วัน 

สรุป

ระยะฟักตัวของโรคโควิดจะอยู่ประมาณ 2 ถึง 14 วันเฉลี่ยประมาณ 5 วันหลังจากได้รับเชื้อเชื้อกลายพันธุ์เช่น เดลต้า omicron จะมีระยะฟักตัวที่สั้นกว่าเชื้อโควดิดั้งเดิมเช่นเชื้อ Delta ระยะฟักตัวจะเหลือประมาณ 4 วัน


อาการของโรคโควิด19

อาการของโรคโควิตที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่

  • ไข้

  • ไอแห้งๆ

  • อ่อนเพลีย

อาการอื่นๆที่อาจพบได้ในผู้ป่วยโรค covid

  • หนาวสั่น

  • หายใจเหนื่อย

  • ปวดกล้ามเนื้อ

  • แสบคอ

  • คัดจมูกน้ำมูกไหล

  • จมูกไม่ได้กลิ่น หรือรับรส

  • อาการระบบทางเดินอาหารได้แก่คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง 

เป็นโรคโควิดจะเกิดอาการอะไรก่อน

จากการศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยโรคโควิดพบว่าอาการของการเกิดโรคเป็นตามลำดับดังนี้

  1. มีไข้

  2. ไอแห้งๆ

  3. แสบคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ

  4. คลื่นไส้ อาเจียน

  5. ท้องร่วง

แต่อย่างไรก็ตามอาการของผู้ป่วยโรคโควิดก็ไม่ได้รียงตามขั้นตอนดังกล่าวทุกรายไป

อาการของการติดเชื้อโอไมครอน

อาการของคนที่ติดเชื้อOmicronจะมีอาการเหมือนไข้หวัดแต่อาการที่พบได้บ่อย 5อาการได้แก่ 

  1. น้ำมูกไหล 

  2. แสบคอ 

  3. คัดจมูก 

  4. ปวดศีรษะ

  5. ไอแห้งๆ

  6. ไข้


อาการของผู้ป่วยที่ได้วัคซีนเมื่อติดเชื้อ Omicron จะมีอาการแสบคอ ไอแห้งคัดจมูก จาม ปวดตามตัวนอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆที่อาจพบได้คือคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วง อาการสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะมีแนวโน้มที่อาการจะเป็นนานกว่าและรุนแรงกว่า เริ่มต้นอาจจะอาการไม่ต่างกับคนที่ได้วัคซีนแต่จะดำเนินของโรคจะเป็นไปทางที่แย่ลง เช่น ไข้ ไอ ปวดตามตัว หายใจลำบากจนกระทั่งเป็นปอดบวม สำหรับการวิจัยที่อังกฤษพบว่าอาการที่สำคัญ 5 อาการของผู้ติดเชื้อ Omicron ได้แก่น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย จาม และแสบคอ ส่วนเรื่องการรับรส หรือการได้กลิ่นยังปกติซึ่งแตกต่างจากสายพันธ์เดลต้า

ผู้ป่วยกลุ่มไหนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิดชนิดรุนแรง

ผู้ป่วยโรคโควิดร้อยละ 80 จะมีอาการเบาและหายได้เองแต่ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงได้แก่ 

  • ผู้สูงอายุ

  • กลุ่มซึ่งมีโรคประจำตัวเช่นถุงลมโป่งพอง โรคเบาหวาน โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเช่นโรคมะเร็ง โรคเอดส์ 

  • ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

จากการศึกษาที่ประเทศจีนพบว่าอาการของโรคโควิดที่มีโรคแทรกซ้อนหลังจากเกิดอาการของโควิคแล้วประมาณ 5-8 วัน

  • หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก

  • แน่นหน้าอกจุกหน้าอก

  • ริมฝีปากผิวหนังและเล็บซีด หรือออกสีม่วง

  • ลุกขึ้นนั่งลำบาก

  • สับสน

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นต้องรีบติดต่อโรงพยาบาลเพื่อรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

ความรุนแรงของโรคติดเชื้อโอไมครอน

จากข้อมูลที่รวบรวมได้พบว่าผู้ติดเชื้อ Omicronจะนอนโรงพยาบาลน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม และใช้เวลาในการรักษาในโรงพยาบาลสั้นกว่า แต่ผู้ป่วยที่สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวและโดยเฉพาะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอาการที่รุนแรงได้ อาการของผู้ป่วยที่รุนแรงได้แก่อาการไข้และอาการทางปอดซึ่งจะต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน 

การติดต่อของโรคโควิด

ทางเสมหะ

covid ติดต่อจากคนสู่คนโดยผ่านทางเสมหะซึ่งเกิดขณะที่เราพูด หัวเราะ จาม หรือไอ เสมหะซึ่งมีไวรัสอยู่จะเข้าทางจมูกปากตาและทำให้เกิดการติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อ covid  จำนวนมากที่ไม่มีอาการของโควิคแต่สามารถแพร่เชื้อได้เรียกว่า ผู้ติดเชื้อบางรายจะสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนที่จะเกิดอาการของโรคเรียกการแพร่เชื้อนี้ว่า presymptomatic transmission ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายเช่น

  • บ้านหรือสถานที่คนอยู่รวมกันเช่น บ้านพัก บ้านพักผู้สูงอายุ หอพัก โรงงาน

  • อากาศถ่ายเทไม่ดี

  • สถานที่อัดคนอยู่จำนวนมากอากาศถ่ายเทไม่ดีและมีคนที่สวมหน้ากากอนามัยไม่ถูกต้อง

การสัมผัส

โดยการเอามือไปสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อแล้วเอามือนั้นเข้าปาก จมูก และตา การติดต่อวิธีนี้ไม่ใช่วิธีหลักในการระบาด

การสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นการป้องกันการติดเชื้อโควิคได้ดีโดยเฉพาะกรณีที่คนติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ โดยแนะนำว่าให้สวมหน้ากากอนามัยทุกคนเมื่ออยู่ในอาคารโดยเฉพาะ

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแต่ไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิดสูง

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแต่มีภูมิของร่างกายอ่อนแอ

สำหรับนอกอาคารก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากแต่ให้สวมหน้ากากในบริเวณซึ่งมีคนแออัดอากาศถ่ายเทไม่ดี และมีความเสี่ยงในการสัมผัสโรคสูงก็ให้พิจารณาสวมหน้ากาก

การติดเชื้อโควิคจะเกิดได้ง่ายที่สุดช่วงไหน

จากการศึกษาพบว่าในระยะสัปดาห์แรกจะพบเชื้อโควิคในระบบทางเดินหายใจแต่เมื่อผ่านไปแล้ว 9 วันก็ตรวจไม่พบเชื้อหมายความว่าเมื่อติดเชื้อแล้ว 9 วันเชื้อก็จะไม่ ติดต่อ นักวิจัยพบว่าช่วงที่จะมีการติดต่อได้ง่ายๆคือในช่วง 6 วันโดยจะโดยคนติดเชื้อจะแพร่เชื้อได้ 2 วันก่อนเกิดอาการและหลังเกิดอาการจะแพร่เชื้อได้อีก 3 วัน

สรุป

จากหลักฐานการวิจัยพบว่าเชื้อจะสามารถแพร่ได้ 2 วันก่อนเกิดอาการและ 3 วันหลังจากเกิดอาการ

เมื่อสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นโควิดจะต้องกักตัวนานแค่ไหน

แบ่งออกเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไม่ครบและผู้ที่ได้รับการฉีดสัคซีนครบ

ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไม่ครบ

หากท่าน ได้สัมผัสผู้ป่วยที่ติดโควิคใกล้ชิดเช่นอยู่ในระยะ 6 ฟุตคุยกันเกิน 15 นาทีท่านก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดท่านจะต้องกักตัวดังต่อไปนี้

  • อยู่บ้าน 14 วันหลังจากสัมผัสกับผู้ป่วยครั้งสุดท้าย

  • เว้นระยะห่างกับผู้อื่น

  • ติดตามอาการของโควิคทุกวัน

สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ

หากท่านสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็น covid ให้ท่านปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

  • ติดตามอาการของโควิค

  • ให้ตรวจ ATK หลังจากสัมผัสแล้ว 5-7 วัน

  • ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารเป็นเวลา 10 วันหรือจนกระทั่งผลตรวจให้ผลลบ

มีข้อยกเว้นว่าท่านจะต้องไปพบแพทย์แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบได้แก่กลุ่มคนที่

  • สูงอายุ

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

  • คนตั้งครรภ์

เมื่อติดโรคโควิดแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง

เมื่อติดโรคโควิดแล้วให้ปฏิบัติตัวดังนี้

  • อยู่บ้าน จะออกนอกบ้านเพื่อพบแพทย์เท่านั้น

  • แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัวให้มากที่สุด

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องเข้าใกล้ผู้อื่น

  • ดื่มน้ำให้พอ

  • ติดตามอาการ หากอาการแย่ลงให้ไปพบแพทย์

ฉันจะกลับไปใกล้ชิดกับผู้อื่นได้ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันตั้งแต่มีอาการของโรคโควิด

  • ไม่มีไข้อย่างน้อย 24  ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ใช้ยาลดไข้

  • อาการต่างๆดีขึ้น

ฉีดวัคซีนแล้วจะป้องกันการติดเชื้อโควิคได้หรือไม่

จากรายงานพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบกำหนดยังสามารถติดเชื้อได้ประมาณร้อยละ 2.6 โดยที่ผู้ติดเชื้อมักจะไม่มีอาการหรือมีอาการแต่น้อย ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบอาจจะนำเชื้อไปติดคนรอบข้างจึงต้องระมัดระวังเรื่องของการแพร่เชื้อสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่การฉีดวัคซีนก็มีประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • การฉีดวัคซีนจะลดการติดเชื้อของคนในครอบครัวพบว่าครอบครัวของผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีการติดเชื้อประมาณร้อยละ 25 ส่วนครอบครัวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะมีการติดเชื้อประมาณร้อยละ 38

  •  ไวรัสโควิดสามารถแพร่กระจายไปยังผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ได้ฉีดวัคซีน

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีนจะหายได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

การป้องกันการติดเชื้อโควิด

  1. วัคซีน

วิธีป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน วัคซีนที่ใช้มีด้วยการหลายชนิดได้แก่

  • ชนิดเชื้อตาย

  • ไวรอล Vector

  •  mrna

  •  proteins unit


  1. ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาการรุนแรง เช่นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนควรจะสวมหน้ากากอนามัยครอบทั้งปาก และจมูกโดยเฉพาะในบริเวณซึ่งมีผู้คนหนาแน่นและมีการติดเชื้อมากหรือคุณไม่ได้ฉีดวัคซีน

  2. ล้างมือให้ล้างมือบ่อยๆเดี๋ยวจะเพาะอยู่ในที่สาธารณะล้างมือก่อนที่จะเอามือจับหน้าเอามือเข้าปากจมูก หรือตาโดยใช้น้ำและสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 20 นาทีหากไม่มีน้ำและสบู่ใช้แอลกอฮอล์เหลว

  3. ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 ฟุตจับคนอื่น

  4. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่มีคนอยู่มากและอากาศถ่ายเทไม่ดีเช่นตลาด  บ่อนการพนัน สถานบันเทิง สนามมวย

  5. ให้เช็ดถูพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยเช่นลูกบิดประตูคีย์บอร์ดราวบันได

บทสรุป

ผู้ที่ได้รับเชื้อโควิคมักจะเกิดอาการภายหลังได้รับเชื้อ 2-14 วันโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 5 วันเชื้อไก่พันธุ์เช่นเดลต้าหรือ omicron จะมีระยะฟักตัวต่ำกว่านี้ ระยะที่มีการแพร่เชื้อได้มากก็คือ 2 วันก่อนเกิดอาการและ 3 วันหลังจากเกิดอาการหลังจากมีอาการแล้ว 9 วันก็ไม่พบเชื้อในทางเดินหายใจ 

การหายจากโรคโควิด

พูดติดเชื้อ Omicron ที่มีอาการเบามักจะหายเป็นปกติใน 1-2 สัปดาห์ตั้งแต่เกิดอาการ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงใช้เวลา 6 สัปดาห์หรือมากกว่าและอาจจะมีความพิการเกิดขึ้นกับหัวใจไตปอดและสมอง ผู้ติดเชื้อ Omicron ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเข้า ICU นอกเสียจากว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวมากทำให้ต้องดูแลใกล้ชิด

สรุป

แนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนเนื่องจากว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้การติดเชื้อโควิดOmicron ไม่รุนแรง

การตรวจหาการติดเชื้อโควิด19

การตรวจว่ามีการติดเชื้อโควิด19หรือไม่มีการตรวจสองวิธีคือ

  • การตรวจหา Antigen เป็นการตรวจว่ามีเชื้อในร่างกายหรือไม่

  • การตรวจหา Antibody เป็นการตรวจว่าร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิดหรือไม่

การตรวจหา Antigen 

การตรวจ Antigen  เป็นการตรวจหาว่าร่างกายเรามีเชื้อโควิด19 หรือไม่โดยการเก็บสารคัดหลั่งที่จมูก คอหรือน้ำลายมาตรวจซึ่งมีวิธีการตรวจสองวิธีคือ

  1. ATK เป็นการน้ำสารคัดหลังจากจมูก คอหือน้ำลายมาทดสอบการตรวจนี้ให้ผลค่อนข้างเร็ว และสามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง

  2. RT-PCR เป็นการตรวจหาปริมาณเชื้อว่ามีมากหรือน้อย การตรวจ RT-PCR มีความแม่ยำกว่าการตรวจ ATK ส่วนผลการตรวจอาจจะใช้เวลาเป็นวันจึงจะทราบผล

การตรวจภูมิคุ้มกัน Antibody

การภูมิคุ้มกันจะต่างจากการตรวจหาเชื้อที่การตรวจภูมิคุ้มกันจะตรวจจากเลือดผุ้ป่วย การตรวจภูมิจะใช้ในการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิดไม่ได้ ถ้าค่าภูมิขึ้นแสดงว่าเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน การตรวจภูมิไม่แนะนำให้ตรวจเพื่อ

  • วินิจฉัยว่ากำลังติดเชื้อโควิด

  • ตรวจภูมิว่าขึ้นหรือไม่หลังจากการฉีดวัควีน

  • ตรวจเพื่อพิจารณาว่าจะฉีดเข็มกระตุ้นหรือไม่

  • ตรวจเพื่อพิจารณาว่าจะกักตัวหรือไม่เมื่อสัมผัสผู้ป่วยโควิด

 

โรคโควิด19เกิดจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสพบครั้งแรกที่เมืองวูฮั่นประเทศจีนในปี คศ 2019 โรคนี้ติดต่อง่ายและระบาดไปทั่วโลก อาการที่สำคัญจะมีอากาศเหมือไข้หวัด ปอดบวม และอาจจะลามไปอวัยวะอื่นๆ

  1. การป้องกันการติดเชื้อในครอบครัว
  2. การป้องกันการติดเชื้อในหน่วยงาน
  3. การเว้นระยะห่างทางสังคม
  4. การกักตัวสังเกตอาการของโรคโควิด
  5. การสวมหน้ากากอนามัย
  6. การป้องกันครอบจักรวาล
  7. การกักตัวและการดูแลคนป่วย
  8. ผลดีของวัคซีน
  9. ลองโควิด
  10. จะฉีดวัคซีนบูทเข็มสามหรือจะรอ
  11. การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

เพิ่มเพื่อนเพื่อการสอบถามเพิ่ม

เพิ่มเพื่อน


 







  1. การป้องกันการติดเชื้อในครอบครัว
  2. การป้องกันการติดเชื้อในหน่วยงาน
  3. การเว้นระยะห่างทางสังคม
  4. การกักตัวสังเกตอาการของโรคโควิด
  5. การสวมหน้ากากอนามัย
  6. การป้องกันครอบจักรวาล
  7. การกักตัวและการดูแลคนป่วย
  8. ผลดีของวัคซีน
  9. ลองโควิด
  10. จะฉีดวัคซีนบูทเข็มสามหรือจะรอ
  11. การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น