ปวดศีรษะไมเกรน
สาเหตุของปวดศีรษะไมเกรน
สาเหตุที่แท้จริงของปวดศีรษะไมเกรนยังไม่มีใครทราบ
แต่เชื่อว่าสมองของผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนมีการไวในการตอบสนอง ต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจจะอยู่นอกร่างกาย หรืออยู่ภายในร่างกายทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบ เมื่อหลอดเลือดขยายจึงปวดศีรษะ
อาการศีรษะไมเกรน
- ปวดศีรษะมักจะปวดข้างเดียว อาจจะสลับซ้ายขวาได้ ลักษณะปวดเป็นแบบตุ๊บๆๆๆน้อยรายที่จะปวดพร้อมกันสองข้าง ปวดมากจนทำงานไม่ได้
- ปวดศีรษะมากจนทำงานไม่ได้ บางคนปวดจนน้ำตาไหล ส่วนใหญ่ปวด 4-72 ชั่วโมง
- ปัจจัยที่ทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นคือการเคลื่อนศีรษะ
- หลังปวดศีรษะอาจมีอาการคลื่นไส้ถ้าเป็นมากจะอาเจียน
- โดยมากจะมีสิ่งที่กระตุ้นทำให้ปวดศีรษะได้แก่แสงจ้า เย็นหรือร้อนจัด เสียงดัง
- โดยมากเป็นในอายุน้อย
อาการปวดศีรษะมักจะเริ่มช่วงวัยรุ่นเมื่ออายุมากขึ้นอาการปวดศีรษะจะดีขึ้น บางครั้งผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนอาจจะมีอาการนำ aura เช่นเห็นแสงแลบ ตามองไม่เห็น ชาซีกใดซีกหนึ่งเราเรียก classic migrain อาการปวดมักปวดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ขมับและขากรรไกร อาการปวดมักปวดข้างใดข้างหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการนำเรียก common migrain ไม่เกรนเป็นโรครักษาไม่หายขาดแต่ถ้าเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำสามารถทำให้ควบคุมโรคได้
ไมเกรนกับคุณผู้หญิง
ผู้หญิงและผู้ชายเป็นไมเกรนได้ทั้งสองเพศแต่ผู้หญิงจะเป็นบ่อยกว่า บางคนปวดขณะมีประจำเดือนและหายไปเมื่อตั้งครรภ์ ผู้ป่วยบางคนเมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงและถี่ขึ้น บางคนไม่เคยเป็นไมเกรนแต่หลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดก็เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ทั้งนี้เนื่องจากยารักษาไมเกรนแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมของเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนระดับต่างๆกัน อาจจะแก้ไขโดยการเปลี่ยนชนิดของยาคุมกำเนิดหรือใช้ยี่ห้ออื่น และเมื่อพบว่ายาคุมทำให้คุณปวดศีรษะเพิ่มขึ้นคุณควรไปปรึกษาแพทย์
สำหรับไมเกรนที่มีอาการนำเช่น ตาเห็นแสง ชาตามมุมปาก ตามนิ้วไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด สำหรับคนที่ไม่เคยมีอาการดังกล่าวหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดแล้วเกิดอาการนำดังกล่าวให้ปรึกษาแพทย์
ชนิดของไมเกรน
นอกจากไมเกรน 2 ชนิดดังกล่าว ยังมีไมเกรนอีกหลายชนิดดังนี้
- Hemiplegic migraine มีอาการอ่อนแรงของแขนขาข้างหนึ่งเป็นระยะเวลาช่วงสั้นๆหรือบางคนอาจจะมีเวียนศีรษะ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีอาการปวดศีรษะตามมา
- ophthalmoplegic migraine ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะร่วมกับหนังตาตก เห็นภาพซ้อน
- Basilar artery migraine ก่อนอาการปวดศีรษะผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ได้ เห็นภาพซ้อน
- Status migrainosus ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะนานกว่า 72 ชั่วโมงและมีอาการมากกว่าปกติ
การวินิจฉัยไมเกรน
การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยประวัติและการตรวจร่างกายเท่านั้นการเจาะเลือด หรือการตรวจ x-ray เป็นเพียงช่วยวินิจฉัยแยกโรคเท่านั้น แพทย์จะซักประวัติเพื่อวินิจฉัย
- แพทย์จะซักเกี่ยวกับอาการปวด ตำแหน่ง ความรุนแรง ความถี่ ระยะเวลาที่ปวด
- แพทย์จะซักอาการร่วมเช่น ไข้ อาการชัก อ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- แพทย์จะซักประวัติโรคประจำตัง การใช้ยา
- แพทย์จะตรวจร่างกายโดยละเอียด
อาการดังต่อไม่นี้ไม่ควรคิดถึงไมเกรน
- ผู้ป่วยปวดศีรษะหลังอายุ50 ปี
- อาการปวดศีรษะปวดขึ้นทันที โดยมากเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก
- อาการปวดศีรษะเป็นบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้นนานขึ้น
- อาการปวดศีรษะพบร่วมกับ ไข้ คอแข็ง ผื่น
- มีอาการทางระบบประสาทอื่น เช่น ชัก อ่อนแรงของแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง
การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยเพียงประวัติเท่านั้นดังนั้นมีเกณฑ์ดังนี้
- จะต้องมีอาการปวดศีรษะ (ตามข้อ2-4) อย่างน้อย 5 ครั้ง
- ปวดศีรษะนาน 4-72 ชั่วโมง
- ลักษณะปวดศีรษะต้องประกอบด้วยลักษณะอย่างน้อย 2 ประการ
- ปวดข้างเดียว
- ปวดตุ๊บๆๆ
- ปวดมากจนทำงานประจำไม่ได้
- ขึ้นบันไดหรือเคลื่อนไหวทำให้ปวดมากขึ้น
- ขณะปวดศีรษะจะต้องมีอาการข้างล่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- แสงจ้าหรือเสียงดังทำให้ปวดศีรษะ
-
ประวัติและการตรวจร่างกายปกติ
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะแบบดังกล่าวไม่จำเป็นต้องตรวจ computer เพื่อการวินิจฉัย
การรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนให้ได้ผลดีผู้ป่วยจะต้องทราบถึงสาเหตุที่กระตุ้นให้ปวดศีรษะ และมีส่วนร่วมในการรักษาโดยมีสมุดจดบันทึกปัจจัยชักนำให้ปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะเป็นอย่างไรหลังจากหลีกเลี่ยงปัจจัยชักนำ การปรับยาของแพทย์ทำให้ปวดศีรษะดีขึ้นหรือไม่ ควรไปตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินผลการรักษา แบ่งการรักษาเป็นสองหัวข้อคือ ควบคุมปัจจัยชักนำ และการรักษาด้วยยา
ปัจจัยชักนำมิใช่สาเหตุแต่เป็นเพียงปัจจัยเริ่มที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ผู้ป่วยแต่ละคนอาจจะมีปัจจัยชักนำไม่เหมือนกัน
- อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เช่น แอลกอฮอล์โดยเฉพาะไวน์แดง ผงชูรส อาหารที่มี tyramine เช่น เนย นม ชอคโกแลต กล้วยหอม ผงชูรส ผลไม้ประเภทส้ม กาแฟและชา
- การนอน ควรนอนให้เป็นเวลาและนอนให้พอ ตื่นให้เป็นเวลา
- ฮอร์โมน ผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้นอาการจะปวดดีขึ้น การตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกปวดศีรษะจะเป็นมากระยะหลังตั้งครรภ์อาการปวดจะดีขึ้น การรับประทานยาคุมกำเนิดจะทำให้ปวดศีรษะมากขึ้น
- ความเครียด พยายามควบคุมความเครียด หาเวลานั่งพักหลับตาหยุดคิดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ปัจจัยสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อากาศ แสงไฟกระพริบ กลิ่นที่ฉุนเฉียว
การรักษาด้วยยาแบ่งออกเป็นการรักษาเมื่อมีอาการปวดศีรษะ [acute treatment] และการรักษาเพื่อป้องกัน [preventive treatment] จะใช้ในกรณีที่ปวดศีรษะรุนแรงและบ่อย
- acute treatment ยาแก้ปวดศีรษะมีด้วยกันหลายชนิดควรรับประทานทันทีที่เริ่มมีอาการปวดศีรษะไม่ควรรับประทานยาบ่อย หรือมากกว่าที่แพทย์สั่ง
- ยาแก้ปวดและบรรเทาอาการอื่นยาบางชนิดอาจหาซื้อได้จากร้านขายยาเช่น paracetamol ,aspirin, ibuprofen ยา aspirin ไม่ควรใช้กับเด็ก ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานยากลุ่มเหล่านี้ก่อนพบแพทย์ แต่ถ้าไม่หายแพทย์อาจให้ยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดศีรษะดีขึ้น แต่ยาบางตัวอาจมีแนวโน้มที่จะเสพติด แพทย์บางท่านอาจให้ยา Nonsteroidal anti-inflammatory drugs เช่น mefenamic,diclofenac,ibuprofen แทนกลุ่มที่จะมีแนวโน้มทำให้เสพติด ผู้ป่วยไมเกรนนอกจากจะมีอาการปวดศีรษะแล้วยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นควรได้รับยาแก้คลื่นไส้หากมีอาการคลื่นไส้มาก
- ยาที่หยุดอาการไมเกรน ยาในกลุ่มนี้มีสองชนิดได้แก่ Ergot alkaloids และ Triptans
- Migraine prevention
หากอาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นรุนแรงเป็นบ่อบแพทย์จะแนะนำยาป้องกันไมเกรน ซึ่งสามารถลดความถี่ ความรุนแรงและระยะเวลาที่ปวด และเมื่อสามารถควบคุมอาการได้แพทย์จะแนะนำให้ค่อยๆลดยาลงยาในกลุ่มนี้ได้แก่
- Antidepressants ยาลดอาการซึมเศร้าสามารถป้องกันปวดศีรษะไมเกรนได้เช่น amitriptyline, nortriptyline, and doxepin
- Beta-blockers เป็นยาลดความดันโลหิตสูงและรักษาโรคหัวใจแต่สามารถนำมาใช้ป้องกันไมเกรนได้เช่น propranolol, metoprolol, timolol, nadolol, or atenolol การจะใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เนื่องจากมีผลต่อความดันโลหิตและต่อการเต้นของหัวใจ
- Calcium channel blockers เป็นยาลดความดันโลหิตสูงและรักษาโรคหัวใจแต่สามารถนำมาใช้ป้องกันไมเกรนได้เช่น verapamil, diltiazem, or nifedipine. การจะใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เนื่องจากมีผลต่อความดันโลหิตและต่อการเต้นของหัวใจ
- Serotonin antagonists เช่น cyproheptadine. เป็นยาที่ทำให้อยากอาหารไม่ควรใช้ยาตัวนี้ในเด็ก
- Anticonvulsants เป็นยากันชักใช้ได้ผลดีโดยเฉพาะ valproate ยาตัวนี้ให้ใช้กับเด็กอายุมากกว่า 10ปี
การรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา
มีรายงานว่าการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยาก็สามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะ
- การทำสมาธิ
- การจัดการกับความเครียด
- การฝังเข็ม
- การออกกำลังกาย
หลักการที่ทำให้การรักษาไมเกรนให้ได้ผลดี
- การจดบันทึกอากรของโรคไมเกรนดังนี้
- วันและเวลาทีปวด
- ระยะเวลาที่ปวด
- อาการอื่นที่พบร่วม เช่น คลื่นไส้อาเจียน สิ่งกระตุ้นเช่น แสง เสียง กลิ่น
- ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ คุณผู้หญิงอย่าลืมบันทึกเกี่ยวกับรอบเดือนด้วยครับ
- ให้คนใกล้ชิดคอยสังเกตถึงอาการก่อนปวดศีรษะเช่น หิวข้าว หิวน้ำ หาวนอน อ่อนเพลีย ซึมเศร้า แสง เสียง หนาวสั่น ปัสสาวะ
- ให้พกยาติดตัวไว้อย่างน้อย 1 ชุดเสมอ
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดห้ามรับประทานยาเกินแพทย์สั่ง ห้ามหยุดยาทันที
- ถ้าลืมกินให้กินยาทันทีที่นึกขึ้นได้ ห้ามรับประทาน 2 เท่า
- หลังจากรับประทานยา ให้หาห้องเงียบๆมืดๆนอนพักจนอาการปวดดีขึ้น
- ให้ความร่วมมือกับแพทย์ในการรักษา ปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด
ตรวจสอบนิสัยการกินของคุณ
ไม่ใช่แค่อาหารที่คุณกินที่สามารถกระตุ้นไมเกรนได้ นิสัยการกินของคุณก็มีบทบาทเช่นกัน คุณอาจปวดหัวได้หากคุณ:
-
กินไม่เพียงพอ
-
ไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอ
-
อย่าข้ามมื้ออาหาร
คุณจะระบุทริกเกอร์ของคุณได้อย่างไร
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารชนิดใด (ถ้ามี) ที่กระตุ้นการโจมตีของคุณ? เนื่องจากอาหารส่งผลต่อผู้ป่วยไมเกรนต่างกัน สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือตรวจสอบนิสัยการกินของคุณและระบุรูปแบบที่อาจเป็น กระตุ้นตัวการกำจัดอาหารทีละอย่างช้าๆ จะทำให้คุณเริ่มรู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณปวดหัว แพ้อาหาร ก็มีประโยชน์เช่นกัน แม้ว่าคุณควรระวังอาหารบางชนิด แม้ว่าคุณจะไม่แพ้ก็ตาม
เพื่อติดตามนิสัยของคุณ ดร. คริสตัลแนะนำให้เก็บไดอารี่อาหารอย่างระมัดระวังเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อบันทึกสิ่งที่คุณทำและไม่กิน หากมีสิ่งใดเป็นตัวกระตุ้น การโจมตีมักจะเกิดขึ้น 12 ถึง 24 ชั่วโมงหลังการบริโภค คุณจะสามารถติดตามความเจ็บปวดกลับไปยังต้นทางได้ หรืออย่างน้อยที่สุด ให้จำกัดให้แคบลง
เรารู้ว่าการอ่านข้อความนี้อาจทำให้คุณรู้สึกว่าคุณจะต้องเริ่มต้นชีวิตโดยขาดน้ำ หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าอาหารเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวกระตุ้นสำหรับทุกคน (และสำหรับผู้ประสบภัยหลายคน ความหิวเป็นตัวกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่กว่าอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง) ไมเกรนเป็นเรื่องส่วนบุคคล และวิธีเดียวที่จะเรียนรู้สิ่งกระตุ้นเฉพาะของคุณคือการ ติดตามไมเกรนทำการปรับเปลี่ยนทีละครั้ง และดูว่าสิ่งใดช่วยได้บ้าง
และแน่นอนว่าไม่ใช่อาหารทุกชนิดที่เป็นศัตรูของคุณ ลองอ่าน บทความนี้ เพื่อดูรายการอาหารที่ปลอดภัยต่อไมเกรน หรือบทสรุปของ สูตรอาหารที่ปลอดภัยสำหรับไมเกรน
แทนที่จะเปลี่ยนอาหารทั้งหมดของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีไมเกรน? Cove มีผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร คุณสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจาก เสริมอาหารหรือคุณสามารถ ติดต่อกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องไมเกรน ได้ในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆ
ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ได้ใช้แทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ คุณไม่ควรเชื่อถือเนื้อหาที่ให้ไว้ในบทความนี้เพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์โดยเฉพาะ หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวลใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ของคุณ
การรักษาไมเกรน
การรักษาโรคไมเกรน อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) และการเยียวยาทางเลือก
สำหรับอาการปวดศีรษะเป็นครั้งคราวหรือปวดไมเกรน คุณสามารถใช้ยา OTC เช่น Excedrin Migraine เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ แพทย์ของคุณอาจสั่งยาทริปแทนเพื่อบรรเทาอาการปวด
หากคุณมีอาการไมเกรนเป็นประจำ แพทย์อาจจะสั่งยาป้องกัน สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึง
- beta-blockers ซึ่งสามารถลดความดันโลหิตและลดการโจมตีไมเกรนได้
- ยาแก้ซึมเศร้าบางครั้งก็มีการกำหนดเพื่อป้องกันอาการไมเกรนแม้ในผู้ที่ไม่มีภาวะซึมเศร้า
- มีหลักฐานว่าการเยียวยาทางเลือกบางอย่างสามารถช่วยรักษาไมเกรนได้ ซึ่งรวมถึง:
-
การนวดบำบัดซึ่งสามารถลดความถี่ของการโจมตีไมเกรนจาก
-
biofeedback ซึ่งสอนวิธีตรวจสอบการตอบสนองทางกายภาพของความเครียด เช่น ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
-
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)ซึ่งสามารถช่วยป้องกันตอนไมเกรนได้
-
อาหารเสริมแมกนีเซียม
การป้องกันไมเกรน
การป้องกันไมเกรนกำเริบ
-
การรับประทานอาหารเป็นประจำและอย่าข้ามมื้ออาหาร
-
จำกัดการบริโภคคาเฟอีนของคุณ
-
การนอนหลับพักผ่อน
-
ช่วยลดความเครียดในชีวิตของคุณด้วยการลองเล่นโยคะ การฝึกสติ หรือการทำสมาธิ
-
โดยจำกัดระยะเวลาที่คุณมองแสงจ้า หรืออยู่กลางแสงแดดโดยตรง ซึ่งทั้งอาจทำให้ประสาทสัมผัสไมเกรน
-
ต้อง "พักหน้าจอ" บ่อยๆ จากโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และหน้าจออื่นๆ
-
ที่พยายามลดน้ำหนักเพื่อช่วยให้คุณระบุการแพ้อาหารหรือการแพ้ที่อาจทำให้ปวดหัวได้
วิธีระงับไมเกรน
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อช่วยป้องกันไมเกรนหลังจากที่คุณกิน:
เลือกอาหารที่ดีกว่า กินอาหารที่สดสะอาด เช่น ผักและผลไม้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและบรรจุหีบห่อ
กินอาหารมื้อ “มินิ” ให้มากขึ้น. แทนที่จะกินอาหารมื้อใหญ่สามมื้อในแต่ละวัน เลือกทานอาหารมื้อเล็กห้าหรือหกมื้อ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณปวดหัวเพราะคุณหิว คุณยังมีโอกาสน้อยที่จะกินอาหารเพียงมื้อเดียวที่อาจทำให้เกิดอาการไมเกรนได้
ดื่ม น้ำปริมาณมาก ให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละแปดแก้ว
ความเครียดจัดการการรู้สึกตึงเครียดและวิตกกังวลอาจเพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวของคุณสั่นเป็นประจำ ออกกำลังกาย ช่วยให้คุณควบคุมความรู้สึกได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณ มีน้ำหนักสุขภาพ
วิธีลดน้ำหนัก
คุณสงสัยว่าอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิดกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนของ หาก คุณ คุณจะต้องงดอาหารและเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นให้เกิดไมเกรนและค่อยๆ เพิ่มกลับเข้าไป หาก อาการไมเกรน กลับมา อาจเป็นสัญญาณว่าเป็นเพราะอาหารบางชนิด
แนะนำ
พูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนที่จะลอง คุณจะต้องแน่ใจว่าปลอดภัยสำหรับคุณและเรียนรู้วิธีปรับแผนอาหารให้ตรงตามความต้องการของคุณ
ไปช้าๆ
อย่าตัดทุกอย่างที่อาจทำให้ปวดหัวออกทันที นั่นจะทำให้ยากขึ้นเท่านั้นที่จะรู้ว่าสิ่งใดที่ส่งผลต่อคุณ นอกจากนี้ ไม่ควรให้เด็กและ ครรภ์ จำกัดอาหาร
ให้ตัดทริกเกอร์อาหารที่เป็นไปได้ทีละตัว ติดตามความรู้สึกของคุณในเดือนหน้า วิธีนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าอาหารที่เป็นปัญหานั้นเป็นปัญหาหรือไม่ หรือคุณสามารถเริ่มรับประทานได้อีก
อาหาร
ไดอารี่จะช่วยให้คุณติดตามอาหารของคุณ หากคุณเป็นไมเกรน อย่ามองแค่สิ่งที่คุณกินในวันนั้น ย้อนไปเมื่อ 3 วันก่อน
บางครั้งผู้คนกระหายอาหารที่จะกระตุ้นไมเกรน หากคุณสงสัยว่าเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มบางอย่าง ให้นำออกจากอาหารอีกครั้งอย่างน้อยหนึ่งเดือน
คิดถึงยาของ
คุณ หากอาการของคุณไม่หายไประหว่างการควบคุมอาหาร แพทย์ของคุณอาจต้องการดูยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์และยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ทั้งหมด ที่ คุณใช้ ยาทั่วไปบางชนิด เช่น ยารักษา สิวโรค หอบหืดและ โรคหัวใจสามารถทำให้เกิดไมเกรนได้บางชนิดก็สามารถ ยาคุมกำเนิด และ อาหารเสริมลดน้ำหนักทำได้
อย่าหยุดหรือเปลี่ยนขนาดยาใด ๆ ของคุณจนกว่าคุณจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์
การลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหารไม่สามารถป้องกันได้
เนื่องจากไมเกรนมีตัวกระตุ้นหลายอย่างที่ไม่ใช่อาหารหรือเครื่องดื่ม โปรดทราบว่าการรับประทานอาหารอาจไม่ได้ให้คำตอบทั้งหมดแก่คุณ
และเพื่อให้การควบคุมอาหารนี้ได้ผล สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามแผน มีอาหารมากมายให้ตัดออก และคุณจะต้องมุ่งมั่นที่จะมองผ่านมันไปให้ได้ แต่ถ้าคุณอยู่ในหลักสูตร คุณอาจมีแผนดำเนินการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน