เลือดในสมองชนิดเฉียบพลัน Acute Subdural Hematomas
ความหมายเลือดในสมอง Subdural Hematomas
- เป็นภาวะที่มีเลือดออกในชั้น subdural แบบเฉียบพลัน ก้อนเลือดที่ออกมาจะเพิ่มความดันในกระโหลกศีรษะ และกดสมองทำให้มีอาการอ่อนแรง ปวดศีรษะ ชัก ซึมลง และอาจจะเสียชีวิต
- เลือดในสมอง Subdural Hematomas ที่เกิดจากอุบัติเหตุทางสมองมักจะมีความรุนแรงถึงกับชีวิตเนื่องจากสมองจะได้รับอันตราย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ภาวะเลือดออกเฉียบพลัน Subdural hematomas ชนิดเฉียบพลันมักจะเกิดจากอุบัติเหตุที่ศีรษะอย่างรุนแรง เลือดที่ออกมาจะกดสมองทำให้สมองขาดเลือด และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
สำหรับผู้สูงอายุการได้รับอุบัติเหตุที่ศีระไม่รุนแรงก็สามารถทำให้เลือดออกในสมองได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดเรื้อรังโดยที่ผู้ป่วยจำไม่ได้ว่าได้รับอุบัติเหตุเมื่อไร
สาเหตุอื่นๆที่ทำให้เลือดออกในศีรษะได้แก่
- รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมทั้ง aspirin
- ผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง
- ผู้ที่หกล้มบ่อยๆ
- ศีรธได้รับอุบัติเหตุบ่อยๆ
- เป็นเด็กทารก
- ผู้สูงอายุ
อาการของผู้ป่วยที่มีเลือดออกในชั้น Subdural hematomas เป็นอย่างไร
- พูดจาสับสน
- เดินเซ ทรงตัวไม่ได้
- ปวดศีรษะ
- สับสน ซึม
- หมดสติ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ช้า
- ลมชัก
- พูดช้า
- มีปัญหาเรื่องการมองเห็น
สำหรับทารกจะมีอาการอะไรบ้าง
- กระหม่อมเด็กจะบวมเต่งตึ
- เด็กไม่ดูดนม
- มีการชักกระตุกของแขนขาบางส่วน
- ชักเกร็งและกระตุกทั้งตัว
- ร้องเสียงแหลม
- ศีรษะโตขึ้น
- ซึมลง
- เด็กจะกระสับกระส่าย
- อาเจียน
- กระโหลกศีรษะแยก
การวินิจฉัย เลือดในสมองชนิดเฉียบพลัน
- การใช้CT Scan ที่ศีรษะจะเป็นวิธีการวินิจฉัยที่ดี
- ผู้ป่วยจะตอบสนองต่อคำสั่ง ไม่สามารถขยับแขนหรือขาได้
การรักษาเลือดในสมองชนิดเฉียบพลัน
- เลือดออก SDHsที่มีความหนาวัดจุดที่หนาที่สุดมากกว่า 1 cm จะต้องได้รับการผ่าตัด สำหรบปริมาณเลือดที่น้อยกว่านี้ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
- สำหรับสมองที่บอบช้ำตากอุบัติเหตุก็ต้องเอาออก
วิธีการผ่าตัดทำได้สองวิธี
Craniotomy
โดยการเจาะกระโหลกศีรษะบริเวณที่มีการคั่งของเลือดมากที่สุด เพื่อเอาเลือดที่คั่งออก และ หยุดการไหลของเลือด
Craniectomy
เป็นการผ่าตัดเอากระดูกกระโหลกออกเพื่อเอาเลือดออก และลดความดันของสมอง
ผลจากการมีเลือดออก subdural hematoma
- อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยเลือดออกชั้น subdural hematoma ประมาณร้อยละ 50-90% ขึ้นกับความรุนแรง ตำแหน่ง และระยะเวลาที่รักษา
- ประมาณร้อยละ 20-30 ของผู้ป่วยจะหายหรือมีความพิการเล็กน้อย
- หลังผ่าตัดจะมีปัญหาเรื่องชัก