การวินิจฉัยนิ่วในไต
อาการนิ่วทางเดินปัสสาวะ
ผู้ที่มีนิ่วส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อาการส่วนใหญ่เกิดจากนิ่วหลุดไปอุดทางเดินปัสสวะ ทำให้เกิดอาการเจ็บที่หลังและชายโครง นอนเปลี่ยนท่าจะไม่หาย ปวดบิดๆเป็นๆหายๆ อาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะจะมากหรือน้อยขึ้นกับขนาดของนิ่ว ตำแหน่งที่นิ่วนั้นอุดอยู่ นิ่วนั้นอุดทางเดินปัสสาวะมากน้อยแค่ไหน
- นิ่วที่อุดท่อไตกับกรวยไต ureteropelvic junction [UPJ] ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอวโดยที่ไม่มีอาการปวดร้าวไปบริเวณขาหนีบ
- นิ่วอุดที่ท่อไต (ureter)ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องอย่างทันทีปวดอย่างรุนแรงปวดบิดเหมือนคลอดลูก บางคนปวดเอวและปวดร้าวลงมาบริเวณอวัยวะเพศ อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- นิ่วอุดที่ท่อไตต่อกับกระเพาะปัสสาวะ (ureterovesicle junction) ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะ
- นิ่วอยู่ในกระเพาะปัสสาวะอาจจะไม่มีอาการ หรืออาจจะมีอาการปัสสาวะขัด
บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หากมีการติดเชื้อจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
เมื่อแพทย์ตรวจร่างกายอาจจะทุบเบาๆบริเวณหลังอาจจะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- จะพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะ
- ถ้าพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะจะต้องตรวจว่ามีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือไม่โดยการตรวจ CBC
- การตรวจการทำงานของไตหากพบว่าค่า creatinin มากกว่า 2 mg% ไม่ควรฉีดฉีดสีตรวจไตเพราะอาจจะทำให้ไตเสื่อมควรเลี่ยงไปใช้การตรวจ CT,ultrasound
การตรวจทางรังสี
- x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney, ureter, and bladder) ถ้าหากเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถเห็นนิ่วได้หากเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่สามารถเห็น
- CTปกติไม่ค่อยใช้เนื่องจากต้องใช้หลาย cut
- IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ และสีนั้นจะถูกขับออกทางไตหลังจากฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลา 1 ,5 ,10 ,15 นาทีหลังฉีดสี ข้อต้องระวังคือแพ้ต่อสีที่ฉีดและทำให้เกิดไตวายได้
- Ultrasound ข้อดีคือสามารถตรวจในคนท้องได้ไม่ต้องเจอรังสี ทำในคนสูงอายุได้อย่างปลอดภัยข้อเสียคือมักจะไม่พบนิ่วที่ท่อไตและความไวในการตรวจต่ำ
นิ่วในไต | อาการนิ่วในไต | การป้องกันนิ่วในไต | สาเหตุนิ่วในไต | โรคแทรกซ้อน| การรักษานิ่วในไต