หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
การรักษากรวยไตอักเสบ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกรวยไตอักเสบประมาณร้อยละ80ที่สามารถรักษาที่บ้าน จะมีเพียงร้อยละ20ที่ต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่เป็นโรคกรวยไตอักเสบที่อาการไม่มากสามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะ และยาลดไข้
ควรจะได้รับยาปฏิชีวนะนานระหว่าง7-14 วัน สำหรับคนส่วนใหญ่ จะใช้ยาปฏิชีวนะที่เรียกว่า ciprofloxacin หรือ co- amoxiclav
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของ ciprofloxacin รวมถึงรู้สึกป่วยและท้องเสียส่วนยา co- amoxiclav ทำให้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะทำให้ประสิทธิภาพของยาปฏิชีนะลดลง ดังนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้รูปแบบของการคุมกำเนิดอื่นในระหว่างการรักษา สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์อาจจะให้ยา
14 วันโดยใช้ยาเซฟาเลกซินซึ่งเป็นยาปฏิชีวนที่แนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์
โดยปกติแล้วคุณจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นค่อนข้างเร็วและจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากรักษาประมาณสองสัปดาห์
ถ้าอาการของคุณไม่ดีขึ้นหลังการรักษา 24 ชั่วโมงแพทย์จะต้องนัดมาประเมินผลการรักษา
การยาแก้ปวดเช่นพาราเซตามอลจะช่วยบรรเทาอาการของความเจ็บปวดและอุณหภูมิสูง
แต่ไม่แนะนำให้ใช้ ยาแก้ปวดกลุ่ม (NSAIDs) เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคไตวาย
เคล็ดในการดูแลตัวเอง
แพทย์ที่ดูแลท่านจะแนะนำให้ท่านตรวจเพิ่มเติมหากท่านเป็นผู้ชายเนื่องจากโรคกรวยไตอักเสบมักจะพบในผู้ชายที่มีปัญหาในทางเดินปัสสาวะเช่น เป็นนิ่ว หรือต่อมลูกหมากโต ส่วนสตรีแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมหากเป็นกรวยไตอักเสบมากกว่า 2 ครั้งต่อปี สำหรับเด็กแนะนำว่าควรจะรักษาในโรงพยาบาลทุกราย
การรักษาโรคกรวยไตอักเสบในโรงพยาบาลอาจมีความจำเป็นในกรณี
เมื่อคุณรักษาในโรงพยาบาล
ผู้หญิงอายุน้อยที่มีอาการและอาการแสดงของกรวยไตอักเสบ pyelonephritis เฉียบพลันที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนสมารถให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก ได้ โดยมีเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น โดยควรจะได้รับน้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะทางน้ำเกลือ
ผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมักจะมีอาการป่วยอย่างรุนแรงที่ตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความผิดปกติของโรคร่วมที่เพิ่มความซับซ้อนของการจัดการหรืออัตราภาวะแทรกซ้อน (เช่นเบาหวานโรคปอดเรื้อรังมา แต่กำเนิดหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ได้มา) ค่าเข้าชมก็อาจจะแนะนำให้เลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีสถานการณ์ทางสังคมที่ไม่แน่นอนเนื่องจากเป็นไปได้ของการปฏิบัติที่ไม่ดีหรือไม่ดีติดตาม
การผ่าตัดฉุกเฉินอาจจะระบุไว้ในผู้ป่วยที่มีไข้หรือผลเลือดบวกวัฒนธรรมเรื้อรังนานกว่า 48 ชั่วโมง; ในผู้ป่วยที่มีสภาพเสื่อม; หรือในผู้ป่วยที่ปรากฏเป็นพิษได้นานกว่า 72 ชั่วโมง ผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีฝี pyelonephritis emphysematous หรือแคลคูลัสขัดขวาง สาเหตุอาจจะไม่เห็นได้ชัดในทันที แต่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในภาพทางคลินิกใบสำคัญแสดงสิทธิการประเมินผลได้ทันทีสำหรับการแทรกแซงการผ่าตัดที่อาจเกิดขึ้น
หลังจากการกู้คืนจากการติดเชื้อเฉียบพลันผู้ป่วยอาจจะเป็นผู้สมัครสำหรับการผ่าตัดที่จะย้อนกลับเงื่อนไขที่จูงใจไตติดเชื้อซ้ำและความเสียหายของไต เงื่อนไขเหล่านี้รวมถึงความผิดปกติ แต่กำเนิด fistulae ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ, ยั่วยวนต่อมลูกหมากโต, นิ่วไตและกรดไหลย้อน vesicoureteral
การเลือกยาปฏิชีวนะโดยทั่วไปจะยาที่ออกฤทธิ์กว้างเนื่องจากผลเพาะเชื้อจากปัสสาวะและเลือดยังไม่ได้ผล การเลือกยาควรจะเลือกยาปฏิชีวนะตามความไวของเชื้อโรคประจำท้องถิ่นนั้น และประเมินผลการรักษาหลังจากได้ยาปฏิชีวนะไปแล้ว 48 ชั่วโมง โดยทั่วไปจะรักษา 14 วัน
เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุได้แก่เชื้อ E coliยาที่ใช้ได้ผลได้แก่ fluoroquinolones, cephalosporins, penicillins, carbapenems และ aminoglycosides
การเลือกใช้ยาปฏิชีวนะ
ยาที่ควรใช้เป็นครั้งแรก |
|
ยาที่ควรจะใช้หากไม่สามารถใช้ยาข้างต้น |
|
ยาทางเลือก |
|
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะที่จะต้องนอนโรงพยาบาลสามารถให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน โดยควรที่จะได้รับยาทางหลอดน้ำเกลือ หรือให้ยาเข้าทางกล้ามเนื้อ แล้วจึงตามด้วยยาชนิดรับประทาน ทั้งนี้จะต้องประเมินแล้วว่าผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้พอ ไม่มีลักษณะของโลหิตเป็นพิษ สามารถรับประทานยาปฏิชีวนะได้ และไม่มีภาวะแทรกซ้อน
เมื่อตัดสินใจรักษาแบบผู้ป่วยนอกแล้วการติดตามผลการรักษามีความสำคัญมาก โดยทั่วไปจะนัดตรวจซ้ำ 1-2 วัน
ต้องแนะนำว่าหากมีอาการเปลี่ยนแปลงที่เร็วและรุนแรงก็ให้รีบเข้าโรงพยาบาลทันที
ผู้ที่แข็งแรงและไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่จำเป็นต้องเพาะเชื้อจากปัสสาวะซ้ำ
การดูแลคนตั้งครรภ์ที่ป่วยด้วยกรวยไตอักเสบ
สรุป
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกรวยไตอักเสบจะต้องรีบให้การรักษาเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน ผู้ที่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวสามารถรักาาแบบผู้ป่วยนอก แต่สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่นคนตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่มีสุขภาพไม่ดี กลุ่มคนเหล่านี้ควรจะนอนโรงพยาบาล ผู้ป่วยทุกรายควรจะได้รับการเพาะเชื้อทั้งปัสสาวะและเลือด หลังการรักษา24-48 ชม ควรจะประเมินผลการรักษา ยาปฏิชีวนะควรจะได้ประมาณ14 วัน