กรวยไตอักเสบ Pylonephritis
กรวยไตอักเสบเป็นการอักเสบของไตซึ่งอาจจะมีความรุนแรงถึงกับเสียชีวิต หรือทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง กรวยไตอักเสบเกิดจากเชื้อโรคเข้าทางท่อปัสสาวะไปทางท่อไตและลามไปสู่ไต นอกจากนั้นอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือโลหิตเป็นพิษ กรวยไตอักเสบเป็นภาวะที่เร่งด่วนที่จะต้องรีบให้การรักษา
กรวยไตอักเสบคืออะไร| ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคกรวยไตอักเสบ | อาการที่สำคัญของโรคกรวยไตอักเสบ |
ไตของคนจะมีหลอดแดงไปเลี้ยง เมือเลือดกรองเสร็จจะนำกลังหลอดเลือดดำ ของเสียที่กรองได้จะรวบรวมสู่กรวยไต หลังจากนั้นปัสสาวะจะนำสู่ท่อไต กระเพาะปัสสาวะและไปท่อปัสสาวะ
ปัสสาวะของคนจะไม่มีเชื้อโรค คนส่วนหนึ่งจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ถ้าหากเชื้อลามจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่ท่อไต ureter และไปอักเสบที่ renal pelvis เรียกกรวยไตอักเสบผู้ป่วยมักจะมีไข้ อาเจียน ขาดน้ำ ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการความดันโลหิตต่ำและเสียชีวิต
- กรวยไตอักเสบจะพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
- สำหรับผู้ใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์
เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะวัยทอง มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่ม
- ทางเดินปัสสาวะในผู้ชายมักจะพบเมื่ออายุมากว่า
50 ปีเนื่องจากต่อมลูกหมากโต
พบกรวยไตอักเสบบ่อยแค่ไหน
กรวยไตอักเสบเป็นได้ทุกอายุทั้งหญิงและชาย
- ทารกจะพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง1.5เท่ามักจะพบร่วมกับความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ
- เด็กชายที่ไม่คลิปหนังหุ้มอวัยวะเพศจะเป็นกรวจไตมากกว่าเด็กที่คลิป
- ผู้หญิงจะพบดรคกรวยไตอักเสบมากกว่าชายเมื่อพ้นอายุ 1 ปี
- สตรีจะพบว่าเป็นกรวยไตอักเสบมากกว่าผู้ชาย
- หลังอายุ65ปีจะพบในผู้ชายเท่าๆกับผู้หญิง
- มีความผิดปกติของอวัยวะทางเดินปัสสาวะ
- มีนิ่ว หรือคาสายสวนปัสสาวะ
- ค่าท่อระบายปัสสาวะ
- ตั้งครรภ์
- โรคเบาหวาน
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- กระเพาะปัสสาวะบีบตัวน้อย
อาการของโรคกรวยไตอักเสบ
อาการเหมือนกระเพาะปัสสาวะอักเสบแต่จะมีอากรปวดหลัง
ไข้สูง อาเจียน
- มีไข้สูงซึ่งอาจจะสูงเกิน 39 องศา สำหรับผู้ที่ป่วยหนักอาจจะไม่มีไข้ก็ได้
- เจ็บชายโครงด้านหลังข้างที่มีการอักเสบ อาการปวดอาจจะปวดเบาๆจนกระทั่งรุนแรง เมื่อทุบเบาๆบริเวณที่อักเสบจะปวดมากขึ้น โดยมากจะเป็นข้างเดี่่ยว
- คลื่นไส้/อาเจียน อาการอาจจะเป็นน้อยจนกระทั่งเป็นมากรับประทานอาหารไม่ได้
สำหรับสตรีอาจจะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดซึ่งพบได้ร้อยละ 30-40 ของผู้ป่วย ส่วนผู้ชายมักจะไม่ค่อยพบปัสสาวะเป็นเลือด
อาการของโรคมักจะเกิดเร็วเป็นชั่วโมง โดยมากไม่เกิด 1 วันอาการอาจจะเป็นอย่างเดี่ยวหรือมีอาการทีละอย่าง หากมีอาการเกิน 7 วันให้ระวังโรคแทรกซ้อน
สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบจะมีอาการไม่เหมือนผู้ใหญ่
- เด็กไม่ดูดนม
- มีไข้
- อาเจียน
- น้ำหนักเด็กไม่เพิ่ม
สำหรับผู้สูงอายุนอกจากจะมีอาการไข้ ปวดเอว คลื่นไส้อาเจียนแล้วอาจจะมีอาการ
- อาจจะมีไข้สูงหรือไม่มีไข้
- ซึมลง
- มีอวัยวะอื่นล้มเหลว เช่นไต หรือตับอักเสบ
- สุขภาพโดยทั่วไปทรุดลง
การวินิจฉัยไม่ยากสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการครบของโรคกรวยไตอักเสบ การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจปัสสาวะ การเก็บปัสสาวะมีหลายวิธีดังนี้
- การตรวจเลือด CBC หากมีการติดเชื้อจะพบว่าเม็ดเลือดขาวมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
- การเพาะเชื้อจากเลือด
- การตรวจปัสสาวะ
ปัสสาวะของผู้ที่เป็นกรวยไตอักเสบมักจะขุ่น และมีกลิ่นเหม็น เมื่อสองกล้องตรวจจะพบมีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง โปรตีนในปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะ
การเลือกใช้วิธีเก็บปัสสาวะขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน เมื่อได้ปัสสาวะก็จะทำการตรวจปัสสาวะ และการตรวจพิเศษ
- การตรวจ Dipstick leukocyte esterase test (LET) เป็นการกรองว่าปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวหรือไม่
- การตรวจ Nitrite production test (NPT) เป็นการกรองว่าปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวหรือไม่
- ตรวจปัสสาวะดดยการส่องกล้องเพื่อตรวจหาเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และโปรตีนในปัสสาวะ
- การเพาะเชื้อจากปัสสาวะซึ่งควรจะตรวจทุกรายที่สงสัยว่าจะเป็นกรวยไตอักเสบ
การตรวจทางรังสี
- การตรวจคอมพิวเตอร์ Computed tomography (CT) scanning เป็นการตรวจการไหลเวียนของเลือดในไต ความสามารถในการขับสี เนื้อเยื่อรอบไต โรคอื่นๆ เชื้อแบคทีเรียที่ผลิตก๊าซ การอักเสบของไต เลือดออกในไต การมีอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ
- การตรวจคลื่นแม่เหล็ก Magnetic resonance imaging (MRI) เป็นการตรวจหาการอุดกั้นทางเดินของปัสสาวะ เลือดไปเลี้ยงที่ไต
- การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง Ultrasonography
เป็นการตรวจหานิ่ว ทางเดินปัสสาวะอุดกั้น ฝีในไต
ก่อนให้การรักษาจะต้องเพาะเชื้อโรคจากเลือดและปัสสาวะ ต้องรีบให้ยาปฏิชีวนะชนิดออกฤทธิ์กว้างก่อนที่จะทราบผลเพาะเชื้อโรค ผู้ป่วยที่มีอาการมาก หรือคิดว่าจะมีโรคแทรกซ้อนจะต้องรับไว้เป็นผู้ป่วยใน
การรักษาแบบผู้ป่วยนอก
เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ไม่มีโรคแทรกซ้อน การรักษาจะให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดครั้งเดียวแล้วตามด้วยยารับประทาน และควรจะนัดมาพบอีกครั้งไม่เกิน 48 ชั่วโมงเพื่อประเมินผลการรักษา
ผู้ป่วยที่เป็นกรวยไตอักเสบต้องนอนโรงพยาบาลได้แก่
- ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบที่พบร่วมกับนิ่วในไต ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน โรคไต
- ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันไม่ดีเช่น
ได้เคมีบำบัด ผู้ป่วยมะเร็ง
โรคเอดส์
- มีอาการของโลหิตเป็นพิษ
- ผู้ป่วยซึ่งมีสัญญาณชีพไม่ดี
- ผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดี
เช่นการดื่มน้ำ
- มีอาการอาเจียนอย่างรุนแรง
- มีลักษณะของการขาดน้ำ
- ผู้ป่วยมีอาการมาก
- ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
- มีโรคที่อุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
- ปัสสาวะออกน้อย
- มีอาการของโรคหลังจากหยุดยาปฏิชีวนะ
การรักษาผู้ป่วยในประกอบไปด้วย
- การรักษาทั่วไป เช่นการลดไข้ การนอนหลับพักผ่อน การให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
- การติดตามผลเพาะเชื้อจากเลือดและปัสสาวะ
- การติดตามโรคร่วมที่ผู้ป่วยเป็น เช่นติดตามน้ำตาลในเลือด ติดตามการทำงานของตับ ติดตามการทำงานของไต
- การให้น้ำเกลืออย่างเพียงพอ
- การให้ยาปฏิชีวนะ
การผ่าตัด
การผ่าตัดจะจำเป็นในรายที่มีโรคแทรกซ้อน
- มีฝีที่ไต หรือฝีที่เนื้อเยื่อข้างไต
- เป็นกรวยไตอักเสบร่วมกับมีนิ่วในไต
- เป็นโรค Renal papillary necrosis
ปัจจัยที่ทำให้ผลการรักษาไม่ได้ผลดี
- อายุมาก
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
- โรคนิ่วในไต
- ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องมือทางท่อปัสสาวะ
- โรคเบาหวาน
- โรคไต
- ผู้ป่วยมะเร็ง
การป้องกัน
- การป้องกันการเกิดกรวยไตอักเสบโดยป้องกันมิให้เชื้อเดินทางจากท่อปัสสาวะไปสู่กระเพาะปัสสาวะ เด็กที่มีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะต้องแก้ไข
- ผู้หญิงแนะนำให้ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
- หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อโรคในปัสสาวะควรจะได้รับยาปฏิชีวนะ
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
- ไตวายผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบเนื่องจากน้ำท่วมปอด
การทำงานของไตจะเสื่อมลง
- โลหิตเป็นพิษผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตต่ำ
ปัสสาวะออกน้อย ซึมลง
- ฝีที่ไตผู้ป่วยจะปวดเอว
ไขไม่ลง
- มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะผู้ป่วยจะปวดเอว
ปัสสาวะออกน้อย ไข้สูง
ทบทวนวันที่ 8/2/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว