Glycemic Load (GL)
Glycemic Load (GL) เป็นค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่เข้าสู่กระแสเลือดหลังจากที่เรารับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเข้าไป พูดง่ายๆ ก็คือ บอกว่าอาหารชนิดนั้นๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราสูงขึ้นมากน้อยแค่ไหน Glycemic Load ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ควบคู่กับ Glycemic Index (GI) เพื่อให้เข้าใจถึงผลของอาหารในปริมาณจริงที่เราบริโภค
การคำนวณ Glycemic Load
GL คำนวณจากอะไร?
GL คำนวณจาก 2 ปัจจัย คือ
- Glycemic Index (GI): ค่าดัชนีน้ำตาล ซึ่งวัดความเร็วในการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของอาหารชนิดนั้นๆ เมื่อเทียบกับน้ำตาลกลูโคสบริสุทธิ์ (GI ของกลูโคส = 100)
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรต: ในอาหารชนิดนั้นๆ
สูตรคำนวณ GL:
GL = (GI x ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (กรัม) ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค) / 100
- Glycemic Index (GI): วัดจากอัตราการเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดหลังการบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเมื่อเทียบกับกลูโคส (ซึ่งมีค่า GI สูงสุดที่ 100)
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหาร: ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (กรัม) ที่พบในอาหารจานหนึ่งหรือปริมาณที่เราจะบริโภคจริง
ตัวอย่างการคำนวณ Glycemic Load
หากแตงโมมีค่า GI 72 และปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแตงโม 120 กรัมคือ 6 กรัม
GL=(72×6)÷100=4.32GL = (72 \times 6) \div 100 = 4.32 GL = (72 × 6) ÷ 100 = 4.32
การแบ่งระดับ Glycemic Load
ค่า GL สามารถแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- GL ต่ำ: ต่ำกว่า 10 - มีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อย
- GL ปานกลาง: ระหว่าง 11-19 - มีผลกระทบปานกลางต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- GL สูง: มากกว่า 20 - มีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ภาระน้ำตาล (Glycemic Load: GL) แบ่งได้เป็น 3 ระดับหลักๆ ซึ่งแต่ละระดับเหมาะกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและสุขภาพได้ในแบบต่างๆ โดยแบ่งตามค่าดังนี้:
- อาหารที่มี GL ต่ำจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ช่วยให้พลังงานคงที่และลดโอกาสเกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน
- ตัวอย่างอาหารที่มี GL ต่ำ:
- ผักใบเขียว เช่น ผักกาดหอม ผักโขม บรอกโคลี (มีคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่ให้ใยอาหารสูง)
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เช่น เชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แอบเปิ้ล (บริโภคในปริมาณเหมาะสม)
- ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ และเมล็ดเจีย
- ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว
- อาหารกลุ่มนี้มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณปานกลาง และให้พลังงานแก่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง เหมาะกับผู้ที่ต้องการคงระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
- ตัวอย่างอาหารที่มี GL ปานกลาง:
- ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ (คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีน้อย)
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลปานกลาง เช่น ส้ม องุ่น ฝรั่ง (กินในปริมาณพอดี)
- มันเทศ และฟักทอง (ให้พลังงานและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม)
- โยเกิร์ตธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
- อาหารกลุ่มนี้สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วหลังการบริโภค จึงควรบริโภคในปริมาณที่จำกัด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ตัวอย่างอาหารที่มี GL สูง:
- ข้าวขาว ขนมปังขาว และข้าวเหนียว (ผ่านการขัดสีมาก ทำให้มี GL สูง)
- อาหารที่มีน้ำตาลมาก เช่น ขนมหวาน ลูกอม น้ำอัดลม
- มันฝรั่งบด หรือมันฝรั่งทอด (แป้งและไขมันสูงทำให้ GL สูงมาก)
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น แตงโม สับปะรด มะม่วงสุก
สรุป: ภาระน้ำตาล (GL) เป็นตัวช่วยสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและการควบคุมอาหาร ควรเน้นการเลือกอาหารที่มี GL ต่ำหรือปานกลาง เพื่อให้สุขภาพสมดุลและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานหรือโรคเรื้อรัง
ทำไมต้องรู้ค่า GL(Glycemic Load)
การใช้ Glycemic Load ช่วยให้เราประเมินได้ดีขึ้นว่าอาหารที่บริโภคจะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดมากน้อยเพียงใด โดยพิจารณาทั้งชนิดและปริมาณคาร์โบไฮเดรตจริงที่บริโภค ซึ่งช่วยในการวางแผนอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลในเลือด เช่น โรคเบาหวานประเภท 2
การรู้ค่า GL ของอาหาร ช่วยให้เรา
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- เลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม: เพื่อสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงโรคต่างๆ
|
ขนาด |
Glycemic Load |
ข้าวหอมมะลิ |
1/2 ถ้วย |
35 |
|
2/3 ถ้วย |
46 |
|
1 ถ้วย |
70 |
ข้าวกล้อง |
1/2 ถ้วย |
12.5 |
|
2/3 ถ้วย |
16 |
|
1 ถ้วย |
26 |
ถั่วแดง |
1/2 ถ้วย |
6 |
|
2/3 ถ้วย |
7 |
|
1ถ้วย |
12 |
จากตารางจะเห็นว่าเมื่อปริมาณอาหารเพิ่มมากขึ้นค่า Glycemic Load จะสูงขึ้น ส่วนค่า Glycemic index จะคงที่
หมายเหตุ: ค่า GL อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สายพันธุ์ ระดับความสุก และวิธีการปรุงอาหาร
วิธีการเลือกอาหารที่มี Glycemic Load ที่ดี
-
เลือกอาหารที่มี GI และ GL ต่ำ
- ให้เลือกอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลและ Glycemic Load ต่ำ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี, ผักสด, และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง
-
พิจารณาปริมาณคาร์โบไฮเดรต
- ตรวจสอบปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่คุณรับประทานและคำนวณ Glycemic Load เพื่อประเมินผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด
-
เลือกอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
- อาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- อาหารแปรรูปมักมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่สูง ควรเลือกอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปมากที่สุด เช่น ผลไม้สด, ผัก, และธัญพืช
-
ผสมผสานกับโปรตีนและไขมันดี
- การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและไขมันดีร่วมกับคาร์โบไฮเดรตสามารถช่วยลด Glycemic Load ของมื้ออาหารได้
-
เลือกผลไม้และผักที่มี GL ต่ำ
- เช่น แอปเปิล, สตรอว์เบอร์รี, บร็อคโคลี่, และผักใบเขียว ซึ่งช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
อ่านฉลากอาหาร
- ตรวจสอบข้อมูลโภชนาการบนฉลากอาหารเพื่อดูค่าดัชนีน้ำตาลและปริมาณคาร์โบไฮเดรต
-
หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- อาหารที่มีน้ำตาลเช่น ขนมหวาน, น้ำอัดลม, และขนมขบเคี้ยวควรหลีกเลี่ยง เพราะมี Glycemic Load สูง
สรุป
การเลือกอาหารที่มี Glycemic Load ต่ำจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานประเภท 2 การพิจารณา GI ร่วมกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารจะช่วยให้คุณเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมและดีต่อสุขภาพในระยะยาว
การจัดสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดีและการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพและมีไฟเบอร์สูง
ข้อดีของการรับประทานอาหารที่มี GL ต่ำ
ตัวอย่างอาหารที่มีค่า GL ต่างๆกัน
อาหารที่มีค่า GL ต่ำมักจะมีไยอาหารในปริมาณที่สูง ตัวอย่างอาหารที่มีค่า GL ต่างกัน
อาหารที่มีค่า GLน้อยกว่า 10
- ไต เนื้อสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วดำKidney, garbanzo, pinto, soy, and black beans
- ผลไม้ที่มีใยอาหารมากเช่น แครอต, ถั่วเขียว, แอปเปิ้ล, แตงโม และส้มโอ
- ธัญพืช
- ถัว
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์และถัวลิสง
- ขนมปังธัญพืช
- ตอร์ตียา คือแป้งแผ่นรูปวงกลมที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดหรือข้าวสาลี ต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปน เดิมเรียกว่า "ตอร์ตา" แปลว่าเค้กรูปวงกลม แล้วนำมาเผยแพร่ให้กับอาณาจักรอัซเตกจึงถูกเรียกชื่อใหม่ว่า "ตอร์ตียา"
- น้ำมะเขือเทศ
- นม
อาหารที่มีค่า GL อยู่ระหว่าง 11ถึง 19:
- pastaและขนมปังธัญพืช
- Oatmeal
- Rice cakes
- น้ำผลไม้สดที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล
- ข้าวกล้อง
- มันฝรั่งหวาน
- Graham crackers
อาหารที่มีค่า GL มากกว่า 20
- เครื่องดื่มที่มีรสหวาน
- ลูกอม
- น้ำผลไม้ที่ใส่น้ำตาล
- ข้าวสวย
- White pasta
- French fries และมันบด
- Low-fiber cereals (high in added sugar)
- Macaroni และชีศ cheese
- Pizza
- ลูกเกดและอินทผารัม
อาหารที่แตกต่างกันอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงหรือพุ่งสูงขึ้นได้ แต่เครื่องมือต่างๆ เช่น ดัชนีน้ำตาล (GI) และปริมาณน้ำตาลในอาหาร (GL) สามารถบอกได้ว่าร่างกายของคุณจะตอบสนองต่อสิ่งที่คุณกินอย่างไร
เดิมทีแนวคิดของ GI และ GL ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อพิจารณาว่าอาหารชนิดใดดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการจัดการระดับน้ำตาลในเลือด และการวางแผนการรับประทานอาหารที่ดีขึ้น
ค่า Glycemic Load | การเลือกผลไม้ | การเลือกถั่ว | การเลือกผัก | การเลือกอาหาร | การเลือกเครื่องดื่ม | การเลือกของหวาน |