10สาเหตุที่ทำให้เท้าบวม
เส้นเลือดขอด | ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำที่เท้า | โรคหัวใจ | โรคตับ | การตั้งครรภ์ | บาดเจ็บที่ข้อเท้า | การติดเชื้อ | ผลข้างเคียงของยา | ต่อมน้ำเหลือง | โรคไต | ผู้ป่วยรับประทานเกลือมาก

เป็นเรื่องปกติและมักไม่ก่อให้เกิดความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณยืนหรือเดินมาก แต่เท้าและ ข้อเท้า ที่ยังคงบวมหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย อาจส่งสัญญาณถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง พิจารณาสาเหตุที่เป็นไปได้บางประการของอาการบวมที่เท้าและข้อเท้า และให้คำแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เมื่อใด
เส้นเลือดขอด
อาการบวมที่ข้อเท้าและเท้ามักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเส้นเลือดขอดที่ขา เป็นภาวะที่ เลือด เคลื่อนขึ้นไปบนเส้นเลือดจากขาและเท้าไปถึง หัวใจได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากลิ้นในหลอดเลือดดำรั่วหรืออ่อนแรง ทำให้เลือดจะไหลย้อนกลับลงมาที่หลอดเลือดและของเหลวจะสะสมอยู่ในเนื้อเยื่ออ่อนของขาส่วนล่าง โดยเฉพาะที่ข้อเท้าและเท้า ภาวะหลอดเลือดดำไม่เพียงพอเรื้อรังอาจนำไปสู่เท้า ทำให้มีอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และการติดเชื้อ หากคุณพบสัญญาณของภาวะเส้นเลือดขอด คุณควรไปพบแพทย์ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เส้นเลือดขอด
ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำที่เท้า
ลิ่มเลือด ที่ก่อตัวในเส้นเลือดที่ขาจะลดเลือดจากขากลับไปสู่หัวใจ และทำให้ข้อเท้าและเท้าบวมได้ ลิ่มเลือดสามารถเป็นได้ทั้งผิวเผิน (เกิดขึ้นในเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัง) หรือลึก (สภาพที่เรียกว่า ลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดลึก) ลิ่มเลือดอุดตันลึกสามารถปิดกั้นเส้นเลือดใหญ่ที่ขาได้ตั้งแต่หนึ่งเส้นขึ้นไป ลิ่มเลือดเหล่านี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากหลุดออกและเดินทางไปยังหัวใจ ปอดและหากคุณมีอาการบวมที่ขาข้างหนึ่งร่วมกับอาการปวดขา และมีไข้ต่ำ สีของขาคล้ำขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณทันทีรักษาด้วยยาป้องกันลิ่มเลือด อาจจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการอุดตันของหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT)
โรคหัวใจ
ผู้ที่เป็นดรคหัวใจที่มีอาการบวมเนื่องมีหัวใจวายซึ่งอาจจะเป็นผลจากเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือจากกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้มีอาการบวมที่เท้า อาการที่สำคัญคือ บวมที่เท้า เช้าตื่นนอนอาจจะไม่บวมพอสายๆจะบวม เมื่อเดินจะบวมมากขึ้น อาการที่บอกว่าเป็นหัวใจคือจะเหนื่อยงาน เดินแล้วเหนื่อย กลางคืนต้องนอนหนุนหมอนหลายใจ หากมีอาการดังกล่าวให้ปรึกษาแพทย์
โรคตับ
ผู้ป่วยโรคตับจะมีอาการบวมเมื่อตับกลายเป็นตับแข็ง อาการที่สำคัญคือบวมเท้า และบวมทั้งท้องมีน้ำในท้องร่วมกับมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง อาการจะไม่ค่อยมีอาการเหนื่อยหอบ ผู้ป่วยตับแข็งบวมเพราะมีโปรตีนในเลือดต่ำโรคตับอาจส่งผลต่อการผลิตโปรตีนของตับที่เรียกว่าอัลบูมิน ซึ่งทำให้เลือดไม่ไหลออกจากหลอดเลือดไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง การผลิตอัลบูมินไม่เพียงพออาจทำให้ของเหลวรั่วได้ แรงโน้มถ่วงทำให้ของเหลวสะสมมากขึ้นที่เท้าและข้อเท้า แต่ของเหลวก็สามารถสะสมใน ช่องท้อง และหน้าอกได้เช่นกัน หากอาการบวมของคุณมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น เหนื่อยล้าเบื่ออาหาร และน้ำหนักขึ้น
การตั้งครรภ์
ของอาการบวมที่ข้อเท้าและเท้าเป็นเรื่องปกติในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการบวมอย่างฉับพลันหรือมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของ ภาวะครรภ์เป็นพิษซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่มีอาการสำคัญคือ บวม ความดันโลหิตสูง และโปรตีนในปัสสาวะ อาการครรภ์เป็นพิษมักจะเกิดหลังการตั้งครรภ์ไปแล้ว 20สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ ของการตั้งครรภ์ หากคุณพบอาการบวมหรือบวมอย่างรุนแรงร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้อง ปวดปัสสาวะ หัวไม่บ่อย คลื่นไส้และอาเจียนหรือการมองเห็นเปลี่ยนแปลง ให้โทรเรียกแพทย์ของคุณทันที เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภาวะครรภ์เป็นพิษ
บาดเจ็บที่ข้อเท้า
- อาการบาดเจ็บที่เท้าหรือการบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้าอาจทำให้เกิดอาการบวมได้ ที่พบมากที่สุดคือ ข้อเท้าแพลงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อการบาดเจ็บหรือการก้าวผิดวิธีทำให้เอ็นที่ยึดข้อเท้าอยู่ในตำแหน่งที่จะยืดออกไปเกินช่วงปกติ เพื่อลดอาการบวมจากอาการบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้า ให้พักเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินบนข้อเท้าหรือเท้าที่บาดเจ็บ ใช้น้ำแข็งประคบ พันเท้าหรือข้อเท้าด้วยผ้าพันแผล และยกเท้าขึ้นบนเก้าอี้หรือหมอน หากอาการบวมและปวดรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นเมื่อรักษาเองที่บ้าน ให้ไปพบแพทย์ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเท้าแพลง
- โรคเก๊าต์ ผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวม แดงร้อนบริเวณข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้าและข้อเข่า จะบวมบริเวณที่มีการอักเสบของข้อที่สำคัญคือกดเจ็บ และมีผิวสีแดงซึ่งบ่งบอกว่ามีการอักเสบ โรคเก๊าต์
การติดเชื้อ
อาการบวมที่เท้าและข้อเท้าอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ผู้ที่เป็นโรคระบบประสาทจากเบาหวานหรือปัญหาเส้นประสาทอื่นๆ ที่เท้า มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่เท้ามากขึ้น หากคุณเป็นเบาหวาน การตรวจเท้าทุกวันเพื่อหา แผลพุพอง และแผลเปื่อย เพราะ ความเสียหายของเส้นประสาท อาจทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดลดลง และ ปัญหาที่เท้า สามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว หากคุณสังเกตเห็นว่าเท้าบวมหรือตุ่มพองที่ดูเหมือนติดเชื้อ ให้ติดต่อแพทย์ทันที
- ผิวหนังอักเสบ หรือ cellulitis เริ่มต้นอาจจะมีแผลถลอก หรือตุ่มหนอง หรือแมลงกัดต่อมาเชื้อลามลงใต้ผิวหนังจะทำให้มีไข้ ผิวที่อักเสบจะบวมและแดง มักจะเป็นกับเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
- การติดเชื้อที่ซอกเล็บเนื่องจากเล็บขบ สาเหตุเนื่องการตัดเล็บที่ไม่ถูกต้อง หรือการใส่รองเท้าที่ไม่ถูกต้องทำให้มีการอักเสบของซอกเล็บซึ่งการอักเสบอาจจะลามไปยังนิ้วเท้า และเท้าทำให้เกิดการบวมบริเวณเท้า เล็บขบ
- แผลเบาหวานที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่เป็นเบาหวานจะมีการติดเชื้อที่เท้าได้ง่าย และเชื้อจะลุกลามไปทั่วทั้งเท้าโดยที่มีอาการบวมเป็นหลัก หากพบจะต้องรีบพบแพทย์เพื่อรักษา แผลเบาหวานในผู้ป่วยเบาหวาน
ผลข้างเคียงของยา
ยาหลายชนิดอาจทำให้เกิดอาการบวมที่เท้าและข้อเท้าซึ่งเป็นผลข้างเคียงได้เอ
-
ฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน (พบในยาคุมกำเนิดและ การบำบัดทดแทนฮอร์โมน) และฮอร์โมนเท
-
Calcium channel blockers ยา ลดความดันโลหิต ชนิดหนึ่ง ซึ่งรวมถึง nifedipine, amlodipine Cardizem felodipineและ verapamil
-
สเตียรอยด์ รวมทั้งแอนโดรเจนและอะนาโบลิกสเตียรอยด์และคอร์ติโคสเตียรอยด์
- รวมไปถึง:เช่น nortriptyline, desipramine และ amitriptyline ; และสารยับยั้ง monoamine oxidase (MAO) เช่น phenelzine และ tranylcypromine
-
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
-
โรคเบาหวาน เช่นยา pioglitazone
ต่อมน้ำเหลือง
นี่คือกลุ่มของของเหลวน้ำเหลืองในเนื้อเยื่อที่สามารถทำให้เกิดอาการบวมได้ เนื่องจากมีปัญหากับท่อน้ำเหลืองหรือหรือต่อมน้ำเหลือง ทำให้การเคลื่อนไหวของของเหลวจะถูกปิดกั้น การสะสมของน้ำเหลืองที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้การรักษาบาดแผลลดลงและนำไปสู่การติดเชื้อและ บวมน้ำ ซึ่งมักจะพบหลัง การฉายรังสี หรือการกำจัดต่อมน้ำเหลืองในผู้ มะเร็งป่วยหากคุณได้รับการ รักษามะเร็ง และมีอาการบวม ควรไปพบแพทย์ทันที
โรคไต
ไตทำหน้าที่ขับน้ำและเกลือ หากไตทำงานน้อยลงก็จะทำให้เกิดการคั่งของน้ำและเกลือทำให้เกิดการบวมได้ ไตทำให้เกิดการบวมได้ 2 วิธีได้แก่
- โรคไตวายเรื้อรัง การทำงานของไตลดลงทำให้มีการคั่งของน้ำและเกลือแร่ ผู้ป่วยจะมีอาการบวมเท้า อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย เจาะเลือดตรวจจะพบว่าค่า CREATININ จะสูง
- อีกสาเหตุหนึ่งคือไตีั่วทำให้มีโปรตีนหรือไข่ขาวในปัสสาวะมาก เกิดโรคไตรั่ว ซึ่งมีอาการที่สำคัญคือ บวม ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ โปรตีนในเลือดต่ำ และไขมันในเลือดสูง
ผู้ป่วยรับประทานเกลือมาก
ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเค็ม หรือรับประทานอาหารนอกบ้าน ท่านอาจจะรับประทานอาหารเค็มโดยที่ท่านไม่รู้ตัว การรับประทานอาหารเค็มนานๆอาจจะทำให้ท่านเกิดโรคความดันโลหิตสูง หากท่านรับประทานอาหารเค็มจะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปวดศีรษะ มึนงง บวมเท้าซึ่งมักจะบวมตอนสายไและบวมสองเท้า อ่านเรื่องการรับประทานอาหารเค็ม