การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะมีผลต่อการป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ปัจจัยเรื่องอาหารอาจจะมีผลโดยตรงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง หรืออาจจะมีผลโดยอ้อมผ่านทางปัจจัยเสี่ยงอื่นเช่น ไขมันในเลือด ความดันโลหิต หรือระดับน้ำตาลในเลือด ผลของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะแสดงในนตาราง
ตารางแสดงผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อค่าไขมันในเลือด
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
ผลต่อ TC,LDL |
ผลต่อ Triglyceride |
ผลต่อ HDL |
ลดอาหารไขมันอิ่มตัว |
+++ |
|
|
ลดอาหารไขมันทรานส์ |
+++ |
|
+++ |
เพิ่มอาหารที่มีใยอาหาร |
++ |
|
|
ลดอาหารที่มีคอเลสเตอรอล |
++ |
|
|
รับประทานอาหารที่เติม Phytosterol |
+++ |
|
|
ลดน้ำหนัก |
+ |
+++ |
++ |
การใช้โปรตีนจากถั่วเหลือง |
+ |
|
|
การออกกำลังกายเป็นประจำ |
+ |
++ |
+++ |
การใช้ red yeast rice |
+ |
|
|
ลดการดื่มสุรา |
|
+++ |
|
ลดน้ำตาล |
|
+++ |
+ |
ลดอาหารแป้ง |
|
++ |
|
การใช้น้ำมันปลา |
|
++ |
|
การทดแทนไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน |
|
+ |
|
ทดแทนแป้งด้วยไขมันไม่อิ่มตัว |
|
|
++ |
การดื่มสุราพอควร |
|
|
++ |
เลือกอาหารที่มี glycemic index ต่ำ และมีใยอาหารมาก |
|
|
+ |
หยุดสูบบุหรี่ |
|
|
+ |
+ ประสิทธิภาพยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
++มีหลักฐานเชื่อว่าได้ผลดี
+++ได้ผลดีโดยมีหลักฐานยืนยัน
TC=Total Cholesterol
LDL=LDL Cholesterol
TG=Triglyceride
HDL= HDL Cholesterol
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีผลต่อ Total cholesterol และ LDL-cholesterol
- ไขมันอิ่มตัวจะมีผลต่อระดับไขมัน LDL ในกระแสเลือดพบว่าทุกหากเพิ่มอาหารไขมัน1%ของพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ไขมัน LDL เพิ่มขึ้น 0.8 – 1.6 mg/dL ไขมันอิ่มตัวแต่ละชนิดจะมีผลต่อ LDL ต่างกัน Stearic acid เป็นไขมันอิ่มตัวแต่ไม่เพิ่มระดับ LDL ในกระแสเลือด ในขณะที่ lauric, myristic, and palmitic จะเพิ่มระดับ LDL ในกระแสเลือด
- ทุก 1% ของอาหารไขมันอิ่มตัวทดแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจะสามารถลด LDL-C ลงได้1.6 mg/dL
- ทุก 1% ของอาหารไขมันอิ่มตัวทดแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน n-6 polyunsaturated fatty acids (PUFAs) จะลดLDL-C ลงได้ 2.0 mg/dL
- ทุก 1% ของอาหารไขมันอิ่มตัวทดแทนด้วยแป้ง carbohydrate จะสามารถลด LDL-C ลงได้1.2 mg/dL
- การรับประทานไขมันทรานส์ก็จะทำให้ระดับไขมัน LDL ในเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันทรานส์จะพบได้ในอาหารธรรมชาติแต่มีปริมาณไม่มาก(ประมาณร้อยละ5ของไขมันทั้งหมด) เช่น ในนมและผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ติดมัน เราได้รับไขมันทรานส์ส่วนใหญ่จากน้ำมันพืชที่เรารับประทานโดยข้างขวดจะเขียนว่า Partially hydrogenated fatty acids
- น้ำมันปลาไม่มีผลต่อระดับของไขมัน LDL-C ในเลือด
- อาหารแป้งจะไม่มีผลต่อไขมัน LDL-C จึงสามารถทดแทนอาหารไขมันอิ่มตัว
- ใยอาหารซึ่งพบในพืชตระกูลถั่ว ผลไม้ ผัก ธัญพืช จะสามารถลดระดับ LDL-C ในเลือด ดังนั้นจึงควรจะเลือดรับประทานอาหารกลุ่มนี้ให้มาก
- การลดน้ำหนักมีผลต่อไขมัน LDL-C ไม่มาก โดยลดได้ 8 mg/dL ทุก 10 กิโลกรัมของน้ำหนักที่ลด
- การออกกำลังกายมีผลต่อระดับ LDL-C ไม่มาก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีผลต่อ triglyceride(TG)
- อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจะช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือด และลดระดับ TG ในเลือด
- น้ำมันปลา n-3 PUFAs สามารถลดระดับไขมัน TG ได้ เราได้รับน้ำมันปลาจากธรรมชาติไม่เพียงพอที่จะลดไขมัน TG จึงจำเป็นต้องได้รับจากยาน้ำมันปลา
- สำหรับผู้ที่มีไขมัน TG สูงมากจะต้องรับประทานไขมันให้น้อยที่สุด(น้อยกว่า30 g/day)
- หลีกเลี่ยงน้ำตาลทั้ง glucose และ fructose เพราะทำให้ TG สูง
- รับประทานอาหารแป้งที่มี glycaemic index ต่ำซึ่งจะชลอการดูดซึมแป้งทำให้ระดับ TG ลดลง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีผลต่อ HDL-C
- ไขมันอิ่มตัวจะเพิ่มทั้ง HDL-C และ LDL-C
- ไขมันทรานส์จะเพิ่ม LDL-C แต่ละลด HDL-C
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจะมีผลต่อ HDL-C น้อยมาก
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจะทำให้ HDL-C ลดเล็กน้อย
- การรับประทานแป้งมากจะทำให้ HDL-C ลดลงโดยหากทดแทนไขมันด้วยแป้งทุก10%ของพลังงานที่แลกเปลี่ยนจะลด HDL-C ลง 4 mg/dL แต่หากเป็นอาหารแป้งที่มี glycaemic index ต่ำจะลด HDL-C เพียงเล็กน้อยหรือไม่ลดลงเลย
- การรับประทานน้ำตาล fructose/sucrose จะทำให้ระดับ HDL-C ลดลงอย่างมาก
- การดื่มสุราอย่างเหมาะสมจะเพิ่มระดับ HDL-C ทุก 1 กก ที่ลดจะเพิ่ม HDL-C 0.4 mg/dL
- การออกกำลังกาย Aerobic จะเพิ่ม HDL-C 3.1 –6 mg/dL
- การหยุดสูบบุหรี่จะทำให้ HDL-C เพิ่มขึ้น
อาหารเสริมเพื่อลดไขมันในเลือด
Phytosterols
ได้แก่ sitosterol, campesterol, และ stigmasterol สารเหล่านั้นพบในน้ำมันพืช(ปริมาณเล็กน้อย) ผัก ผลไม้ ถั่วต่างๆ เกาลัด สารเหล่านี้จะมีสูตรโครงสร้างคล้ายกับคอเลสเตอรอลดังนั้นจึงลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล ดังนั้นจึงมีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียว สาร Phytosterols ได้ถูกผสมในอาหารหลายชนิดเช่น น้ำสลัด ครีมทาขนมปัง เนย น้ำมันพืช yoghurt โดยจุดประสงค์เพื่อลด TC ในเลือด ให้รับประทาน phytosterols วันละ 2 g ก็จะลดไขมัน TC และ LDL-C ลง 7–10% แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะสามารถลดการเกิดโรคหัวใจได้หรือไม่ และยังไม่ทราบผลระยะยาว นอกจากนั้นจะต้องระวังเรื่องการขาดวิตามินที่ละลายในไขมัน
Soy protein
โปรตีนจากถั่วเหลืองสามารถลดไขมัน LDL-C ลงได้ร้อยละ 3–5% ดังนั้นจึงควรใช้โปรตีนจากถั่วแทนเนื้อสัตว์
ใยอาหาร
อาหารที่มีปริมาณใยอาหารมากจะช่วยลดไขมัน LDL-C โดยจะต้องรับประทานใยอาหารวันละ 5–15 g
น้ำมันปลา
การรับประทานน้ำมันปลาวันละ 2–3 g จะสามารถลดระดับไขมัน TG ลงได้ 25–30%
Red yeast rice
red yeast rice เป็นข้าวที่หมักกับเชื้อราชนิดหนึ่งซึ่งจะได้สาร monacolins ที่มีสูตรโครงสร้างเหมือนยากลุ่ม Statin มีการศึกษาในประเทศจีนพบว่าสารสกัดนี้สามารถลดการเกิดโรคซ้ำได้ถึงร้อยละ 45 แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลระยะยาวของสารนี้
การลดน้ำหนักและการออกกำลังกาย
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิดจะถึงดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 25-30 kg/m2
- ผู้ที่อ้วนจะมีดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ ≥30 kg/m2
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะต้องลดน้ำหนักอย่างน้อยร้อยละ5-10จากน้ำหนักเดิม ซึ่งจะลดไขมันในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดน้ำหนัก
- จะต้องรับประทานอาหารที่มีพลังงานน้อยกว่าความต้องการวันละ 300-500 kcal/day
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30นาที
การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะป้องกันการเกิดเบาหวานได้ดีที่สุด
ปริมาณไขมัน
ปกติคนเราจะได้รับพลังงานจากไขมันร้อยละ25-35 ของพลังงานทั้งหมด หากรับประทานอาหารไขมันมากกว่าร้อยละ 35 จะมีความเสี่ยงในการรับประทานไขมันอิ่มตัวเพิ่มขึ้นและปริมาณพลังงานก็เพิ่มขึ้น แต่การรับประทานไขมันน้อยเกินไปก็เสี่ยงต่อการขาดวิตามินอี และไขมันอื่นๆซึ่งจะมีผลต่อไขมัน HDL
- ควรใช้น้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่มีทั้ง n-6 and n-3
- ปริมาณไขมันอิ่มตัวไม่ควรจะเกินร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมด หากมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงก็ลดไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ7
- ไขมันไม่อิ่มตัว n-6 ไม่ควรเกินร้อยละ10 ของพลังงานทั้งหมดเพื่อป้องกันมิให้ไขมัน HDL-C ลดลง
- การรับประทานปลาและกรดไขมันจากพืช n-3 fatty acids (linolenic acid) จะลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- น้ำมันปลาขนาด 2-3 กรัมต่อวันจะลดระดับไขมัน TG แต่หากรับมากกว่านี้จะมีผลทำให้ LDL-C เพิ่มขึ้น
- อัตราส่วนของ n-3/n-6 fatty acid ในอาหารยังไม่เป็นที่ตกลงว่าอัตราไหนจะเหมาะสม
- ปริมาณคอเลสเตอรอลที่รับประทานไม่ควรจะเกิน 300 กรัมต่อวัน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านขบวนการผลิตเนื่องจากมีไขมันทรานส์มาก ไม่ควรจะรับประทานไขมันทรานส์เกินร้อยละ1 ของพลังงานทั้งหมด
อาหารแป้งและใยอาหาร
- โดยทั่วไปเราจะได้รับพลังงานจากอาหารแป้งร้อยละ 45-55 ให้เลือกผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว ธัญพืช ทดแทนอาหารแป้ง ควรจะเลือดอาหารที่มี glycaemic index ต่ำ
- ให้รับประทานใยอาหารวันละ 25-40 กรัม
- ไม่ควรจะรับประทานน้ำตาลเกินร้อยละ10 ของพลังงานทั้งหมด(รวมถึงปริมาณน้ำตาลในอาหารธรรมชาติ)
- ไม่ควรจะดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลโดยเฉพาะผู้ที่มีระดับไขมัน TG สูง
- จำกัดการดื่อมสุราผู้ชายไม่เกิน 2 หน่วย ผู้หญิงไม่เกิน 1 หน่วย ปริมาณดังกล่าวไม่ทำให้ระดับ triglyceride สูง
- การหยุดสูบบุหรี่จะช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและเพิ่มระดับ HDL-C
อาหารเสริม
มีการผลิตอาหารเสริมซึ่งโฆษณาว่าลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาระยะยาวถึงผลดีผลเสีย เท่าที่มีข้อมูลอาหารที่ผสม phytosterols (1– 2 g/วัน)ให้กับผู้ป่วยที่มีระดับ TC และ LDL-C แม้ว่าจะได้รับยาลดไขมันแล้วแต่ค่ายังเกินค่าที่ต้องการ
อาหารเพื่อสุขภาพ
หมายถึงอาหารที่สามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
- ให้รับประทานผักและผลไม้ให้หลายหลายและปริมาณมากพอ
- รับประทานปลาสัปดาห์ละ 2-3 มื้อ
- รับประทานไขมันไม่อิ่มตัว n-3 PUFAs ที่มาจากพืชเช่น ถั่ว ถั่วเหลือง และ flaxseed oil
- ลดการบริโภคเกลือไม่เกิน 1 ชช
สรุปเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- แนะนำเรื่องการปรับอาหารโดยเบื้องต้นให้เลือกรับประทานอาหารประจำถิ่น หรือจะเลือดออาหารท้องที่อื่นๆที่มีผลดีต่อสุขภาพก็น่าจะลอง
- พยายามเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เพิ่มน้ำหนัก
- รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่วต่างๆ ขนมปังโฮลวีท ปลาเนื้อมัน ให้มาก
- ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว โดยการทดแทนอาหารมันจากสัตว์ด้วยอาหารตามข้อ2 และทดแทนน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวด้วยน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ลดพลังงานที่ได้จากไขมันไม่เกินร้อยละ 35 ของพลังงานทั้งหมด และรับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ 7 ของพลังงานทั้งหมด ส่วนไขมันทรานส์รับไม่เกินร้อย 1 ของพลังงานทั้งหมด ส่วนคอเลสเตอรอลรับได้ไม่เกิน 300 มิลิกรัมต่อวัน
- ลดการบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา
- สำหรับผู้ที่ดื่มสุราจะต้องใม่เกิน 2หน่วยและ 1หน่วยสราสำหรับชายและหญิงตามลำดับ ผู้ที่มีไขมัน triglyceride ในเลือดสูงควรงดสุรา
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
- ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือการได้รับควันบุหรี่