Heart attack หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน|
กลุ่มอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด | สาเหตุของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด | อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
Heart attack หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด บางทีชาวบ้านเรียกโรคลมปัจจุบัน หรือผู้ที่เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ความหมายของ heart attack หมายถึงภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด Coronary ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เกิดกลุ่มอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
กลุ่มอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด(Acute Coronary Syndrome )
ผู้ที่เป็นโรคโคโรนารี coronary disease จะมาโรงพยาบาลด้วย กลุ่มที่เรียกว่า Acute Coronary Syndrome หรือ Heart attack เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน อาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่สำคัญที่นำผู้ป่วยมาโรงพยาบาลได้แก่อาการเจ็บหน้าอก อาการและอาการแสดงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมีได้หลายลักษณะได้แก่
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกเมื่อออกกำลังกาย เรียก Stable angina
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบ Unstable angina
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดMyocardial infarctionซึ่งมีสองลักษณะได้แก่
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้อหัวใขาดเลือดโดยที่ไม่มีอาการเรียก Silent ischemia
- กลุ่มผู้ป่วยที่มาด้วยเรื่องหัวใจวาย Congestive heart failure
- กลุ่มผู้ป่วยที่เสียชีวิตเฉียบพลัน Sudden cardiac death
กลุ่มผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด เป็นกลุ่มที่มีรุนแรงที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอกเฉียบพลัน หายใจเหนื่อย หน้ามืดเป็นลม และจะต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการเนื่องจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือการทำบอลลูนหลอดเลือดหัวใจจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจฟื้นคืนได้
สาเหตุของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้แก่
- เกิดการฉีดขาดของคราบไขมัน และเกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดโคโรนารีทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิด (STEMI)
- เกิดจากคราบไขมันหนาขึ้นจนเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ NSTEMI
กลุ่มอาการที่เจ็บหน้าอกเป็นอาการของโรคโคโรนารี coronary disease อาการเจ็บหน้าอกจะมีลักษณะเฉพาะ
อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาการที่พบบ่อยของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- อาการแน่หน้าอก ตรงกลางหน้าอก เจ็บมากขึ้น พักหรืออมยาขยายหลอดเลือดจะไม่หายปวด
- จุกเสียดบริเวณลิมปี่ แขซ้าย หรือคอและกรามด้านซ้าย
- หายใจเหนื่อยหอบ อาจจะมีหรือไม่มีแน่หน้าอก
- คลื่นไส้อาเจียน
- หน้าซีดเหงื่อออก
- เวียนศีรษะหน้ามืด
อาการเจ็บหน้าอกจะมีสองลักษณะคือ
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกเมื่อออกกำลังกาย เรียก Stable angina อาการเจ็บหน้าอกจะสัมพันธ์กับการออกกำลังกาย พักหรืออมยาก็หายปวด การดูแลทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการปรับยา
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบ Unstable anginaอาการเจ็บหน้าอกจะเจ็บนานและรุนแรงกว่าแบบแรก หากไม่รักษาอาจจะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายจากขาดเลือด
กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้อหัวใขาดเลือดโดยที่ไม่มีอาการเรียก Silent ischemia ผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือโคโรนารีแต่ไม่มีอาการเตือนเรื่องแน่นหน้าอก ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีโรคแทรกซ้อนและอัตราการเสียชีวิตสูง
โรคหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบ
หัวใจของเราประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ และมีเส้นเลือดชื่อ Coronary artery นำเอาเลือดและออกซิเจนมาสู่หัวใจ หากมีลิ่มเลือดมาอุดเส้นเลือด จะทำให้หัวใจขาดเลือด และออกซิเจนซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย
โรคหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบหรือที่เรียกว่า Coronary artery disease เป็นโรคหัวใจที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งทั่วโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นของประเทศที่เจริญแล้ว และประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งประเทศไทย
เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมีเส้นใหญ่ 2 เส้นคือ
- Rigrt coronary artery
- Left main coronary artery ซึ่งจะแตกออกเป็นสองแขนงได้แก่
- Left anterior ascending
- circumflex artery
Acute Coronary Syndrome เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน แต่เดิมนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3กลุ่มใหญ่คือ
- unstable angina (UA)
- non-ST elevation myocardial infarction (NSTEMI)
- acute ST-elevation myocardial infarction (STEMI) กดเพื่อดูรูปคลื่นไฟฟ้า กดเพื่อนเรียนรู้เรื่องคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ชนิดของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ภาพแสดงผนังหลอดเลือดที่มีคราบไขมันเกาะทำให้รู้หลอดเลือดแคบลง |
การที่คนเกิดปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่างจะทำให้โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดตีบเร็วขึ้น
การควบคุมปัจจัยเสี่ยงควรจะเริ่มทำเมื่อไร
คนทั่วไปจะเคยชินกับวิถีชีวิตไม่คำนึงถึงผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย ผู้ที่สูบบุหรี่ก็พยายามหาคำตอบเพื่อให้เขาเหล่านั้นไม่ต้องปรับพฤติกรรม แต่หากเวลาผ่านไปคราบไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นจนกระทั่งเกิดอาการก็จะทำให้การรักษาลำบากยิ่งขึ้น
มีการศึกษาเด็กที่เสียชีวิตจากอุบัติเหต พบว่าเริ่มมีคราบไขมันเกาะตามผนังหลดเลือดตั้งแต่เด็ก แสดงว่ากระบวนการของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบเริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก และจากสถิติพบว่าแต่ละประเทศมีเด็กอ้วนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมๆกับการที่เด็กมีเวลาออกกำลังกายลดลง และรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ
ดังนั้นเราควรจะรณรงค์เรื่องอาหาร การออกกำลังในเด็ก และโรคอ้วนในเด็กเพื่อที่อนาคตโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะได้ลดลง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ
ปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะพบมากในผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักมากกว่าที่เคยออก พบว่าจะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น6 เท่าสำหรับผู้ที่ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ และเพิ่มขึ้น 30 เท่าในผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
- ความเครียดทางอารมณ์
- โรคติดเชื้อ เช่นปอดบวม
- ช่วงเช้าประมาณ 9 เชื่อว่าช่วงนี้เกล็ดเลือดจะเกาะกันง่าย
การป้องกัน
หากท่านเป็นโรคหัวใจจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลงดังนั้นท่านควรจะป้องกันมิให้เป็นโรคหัวใจ วิธีการง่ายดังนี้
- หากท่านสูบบุหรี่ก็ให้เลิก หากมีความคิดที่จะสูบก็เลิกความคิดนี้เสีย เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหดตัว ท่านที่สูบบุหรี่ท่านอาจจะมีความสุขกับการสูบบุหรี่ แต่หากเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมา คนที่รักท่านจะต้องเดือดร้อนทั้งที่เค้าไม่ได้สูบ
- สำหรับท่านที่ไม่เคยวัดความดันโลหิตท่านควรจะไปวัด โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หรือผู้ที่อ้วน หรือผู้ที่มีไขมันในโลหิตสูง ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย สำหรับท่านที่มีความดันโลหิตสูงก็จะควบคุมไม่ไห้เกิน 115/75 มิลิเมตรปรอท เมื่อความดันโลหิตเพิ่ม 20/10 ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
- ตรวจระดับไขมันของท่าน
- ออกกำลังกายอย่างส่ำเสมอ
- รักษาน้ำหนัก
- รับประทานอาหารคุณภาพ
- ตรวจเช็คร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- จัดการเรื่องความเครียด
การรักษา
- การรักษาเพื่อป้องกันหลอดเลือดตีบ อ่านที่นี่
- การรักษาโดยยา
- ยาลดไขมันยาที่ใช้ได้แก่ Statin,fibrate,niacine เป็นยาที่ลดระดับไขมันเลือด
- Aspirin เป็นยาที่ป้องกันเกล็ดเลือดมาเกาะที่ผนังหลอดเลือดเพื่อป้องกันหลอดเลือดแข็ง
- ยากลุ่ม Beta block ยาในกลุ่มนี้จะลดการใช้ออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจจะลดอัตราการเสียชีวิต
- Nitroglycerine ยานี้จะขยายหลอดเลือดหัวใจช่วยลดอาการเจ็บหน้าอก
- ยาต้านแคลเซียม Calcium channel blocking agent ยานี้จะขยายหลอดเลือดหัวใจ
- กลุ่มยา ต่างๆที่ช่วยรักษา เช่น ยาต้านอนุมูลอิสระ โฟลิกเป็นต้น
- การผ่าตัดเพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงได้แก่
การทำบอลลลูนหลอดเลือด เมื่อเกิดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ หากเป็นมากหรือรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะฉีดสีเพื่อตรวจว่าหลอดเลือดตีบมากน้อยแค่ไหน หากตีบมากหรือตีบเส้นใหญ่แพทย์จะทำบอลลูน โดยการใช้มีดกรีดเป็นแผลเล็กๆ แล้วสอดสายเข้าหลอดเลือดแดง และแยงสายเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจ เมื่อถึงตำแหน่งที่ตีบก็บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ
- การผ่าตัด bypass โดยการใช้เส้นเลือดดำที่เท้าแทนเส้นเลือดหัวใจที่ตีบ
- Anthrectomy คือการผ่าตัดเอาคราบไขมันที่ผนังหลอดเลือดออก
ข่าวเกี่ยวกับโรคหัวใจ
- การรับประทานแคลเซียมอาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น อ่านที่นี่
- การรับประทานยาแก้ปวดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกดโรคหัวใจ อ่านที่นี่