Urine Albumin-to-Creatinine Ratio (UACR): การตรวจสุขภาพไตที่คุณควรรู้
Urine Albumin-to-Creatinine Ratio (UACR) เป็นการตรวจปัสสาวะที่ช่วยบ่งบอกถึงความเสี่ยงของโรคไต โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้น บทความนี้จัดทำโดย นพ.ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์ที่มีประสบการณ์ 30 ปี เพื่อให้ประชาชนเข้าใจการตรวจ UACR เหตุผลที่ต้องตรวจ วิธีเตรียมตัว และการแปลผล
Urine Albumin-to-Creatinine Ratio (UACR) คืออะไร?
Urine Albumin-to-Creatinine Ratio (UACR) เป็นการตรวจปัสสาวะที่วัดปริมาณอัลบูมิน (albumin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง เทียบกับปริมาณครีอะตินิน (creatinine) ในปัสสาวะ โดยรายงานผลเป็นอัตราส่วน (mg/g) อัลบูมินเป็นโปรตีนที่ปกติอยู่ในเลือด ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และต่อสู้กับการติดเชื้อ แต่ควรอยู่ในเลือด ไม่ใช่ในปัสสาวะ หากพบอัลบูมินในปัสสาวะ เรียกว่า อัลบูมินนูเรีย (albuminuria) หรือโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งบ่งบอกถึงความเสียหายของไต
งานหลักของไตคือการกรองเลือด โดยเก็บสิ่งสำคัญ เช่น โปรตีน ไว้ในเลือด และกำจัดของเสียกับน้ำส่วนเกินออกทางปัสสาวะ หากไตแข็งแรง อัลบูมินจะถูกกรองกลับเข้าสู่กระแสเลือด แต่หากไตเสียหาย อัลบูมินจะรั่วออกมาในปัสสาวะ ผู้ที่มีอัลบูมินในปัสสาวะสูงมีความเสี่ยงที่โรคไตเรื้อรังจะลุกลามไปสู่ภาวะไตวายมากขึ้น การวัด UACR ช่วยปรับผลให้มีความสม่ำเสมอ แม้ว่าปริมาณน้ำในปัสสาวะจะแตกต่างกัน จึงเป็นวิธีที่แม่นยำในการตรวจหาความเสียหายของไตในระยะเริ่มต้น
ทำไมต้องตรวจ UACR?
แพทย์จะสั่งตรวจ UACR เพื่อ:
- ตรวจหาความเสียหายของไตในระยะเริ่มต้น: เช่น โรคไตเรื้อรัง (chronic kidney disease) หรือโรคไตจากเบาหวาน (diabetic nephropathy)
- ติดตามการทำงานของไต: ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, หรือโรคหัวใจ
- ประเมินความเสี่ยงของโรคไต: ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต หรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่
- ติดตามผลการรักษา: เพื่อดูว่าการรักษา เช่น การควบคุมระดับน้ำตาลหรือความดันโลหิต ช่วยลดการรั่วของอัลบูมินได้หรือไม่
เมื่อไรควรตรวจ UACR?
คุณอาจต้องตรวจ UACR หากคุณ:
- เป็นโรคเบาหวาน (โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 หรือเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เป็นมานานกว่า 5 ปี)
- มีความดันโลหิตสูง
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต
- มีอาการบ่งบอกถึงปัญหาไต เช่น ปัสสาวะเป็นฟอง, บวมตามร่างกาย, หรือปัสสาวะเปลี่ยนสี
- มีโรคหัวใจหรือหลอดเลือด
แนวทางจาก American Diabetes Association แนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานตรวจ UACR อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามสุขภาพไต
ขั้นตอนการตรวจ UACR
การตรวจ UACR เป็นการตรวจปัสสาวะที่ง่ายและไม่เจ็บตัว โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- แพทย์หรือพยาบาลจะให้ภาชนะสำหรับเก็บปัสสาวะ
- เก็บปัสสาวะในตอนเช้าครั้งแรก (first morning urine) หรือเก็บแบบสุ่ม (spot urine) ตามคำแนะนำของแพทย์ ปริมาณปัสสาวะที่ต้องใช้เพียงเล็กน้อย (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)
- ส่งตัวอย่างปัสสาวะไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ปริมาณอัลบูมินและครีอะตินิน
ความเสี่ยง: การตรวจ UACR ไม่มีความเสี่ยง เพราะเป็นเพียงการเก็บปัสสาวะ ไม่มีการเจาะหรือใช้เครื่องมือใดๆ
ค่า UACR ปกติคือเท่าไหร่?
ค่า UACR วัดเป็นมิลลิกรัมของอัลบูมินต่อกรัมของครีอะตินิน (mg/g) โดยแบ่งระดับดังนี้:
- ปกติ: น้อยกว่า 30 mg/g
- อัลบูมินในปัสสาวะสูงเล็กน้อย (microalbuminuria): 30–300 mg/g
- อัลบูมินในปัสสาวะสูงมาก (macroalbuminuria): มากกว่า 300 mg/g
หากผล UACR สูง ควรตรวจซ้ำเพื่อยืนยัน โดยผลที่สูงสองครั้งในช่วงสามเดือนขึ้นไปบ่งบอกถึงโรคไต
หมายเหตุ: ค่าปกติอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามห้องปฏิบัติการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแปลผล
ค่า UACR ผิดปกติบ่งบอกอะไร?
ค่า UACR สูง
หากค่า UACR สูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึง:
- โรคไตเรื้อรัง: ความเสียหายของตัวกรองในไต (glomeruli) ทำให้อัลบูมินรั่วออกมา
- โรคไตจากเบาหวาน: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานทำลายหลอดเลือดในไต
- ความดันโลหิตสูง: ความดันสูงทำลายหลอดเลือดในไต
- การอักเสบหรือการติดเชื้อ: เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส
- ภาวะชั่วคราว: เช่น หลังออกกำลังกายหนัก, มีไข้, หรือภาวะขาดน้ำ
คำแนะนำ: หากค่า UACR สูง ควรตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผล และปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจ eGFR เพื่อประเมินการทำงานของไต
ค่า UACR ต่ำ
ค่า UACR ที่ต่ำ (น้อยกว่า 30 mg/g) มักบ่งบอกว่าไตทำงานปกติ อย่างไรก็ตาม หากค่า UACR ต่ำแต่มีอาการอื่น เช่น ปัสสาวะเปลี่ยนสีหรือบวม ควรตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ
ตารางความสัมพันธ์ของ UACR และ eGFR กับความเสี่ยงโรคไต
UACR และ eGFR (อัตราการกรองของไตโดยประมาณ) ช่วยประเมินความเสี่ยงและระยะของโรคไต ดังนี้:
eGFR (mL/min/1.73 m²) | ระยะโรคไต | UACR (mg/g) | ||
---|---|---|---|---|
<30 (ปกติ) | 30–300 (microalbuminuria) | >300 (macroalbuminuria) | ||
≥90 | ระยะ 1 | ความเสี่ยงต่ำ | ความเสี่ยงปานกลาง | ความเสี่ยงสูง |
60–89 | ระยะ 2 | ความเสี่ยงต่ำ | ความเสี่ยงปานกลาง | ความเสี่ยงสูง |
45–59 | ระยะ 3a | ความเสี่ยงปานกลาง | ความเสี่ยงสูง | ความเสี่ยงสูงมาก |
30–44 | ระยะ 3b | ความเสี่ยงสูง | ความเสี่ยงสูงมาก | ความเสี่ยงสูงสุด |
15–29 | ระยะ 4 | ความเสี่ยงสูงมาก | ความเสี่ยงสูงสุด | ความเสี่ยงสูงสุด |
<15 | ระยะ 5 (ไตวาย) | ความเสี่ยงสูงสุด | ความเสี่ยงสูงสุด | ความเสี่ยงสูงสุด |
หมายเหตุ: สีในตารางบ่งบอกระดับความเสี่ยงของการลุกลามของโรคไต (สีเขียว: ความเสี่ยงต่ำ, สีเหลือง: ความเสี่ยงปานกลาง, สีส้ม: ความเสี่ยงสูง, สีน้ำเงิน: ความเสี่ยงสูงมาก, สีแดง: ความเสี่ยงสูงสุด)
วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจ UACR
นพ.ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร แนะนำขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้ผลการตรวจแม่นยำ:
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: 24 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพราะการออกกำลังกายอาจเพิ่มปริมาณอัลบูมินในปัสสาวะชั่วคราว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อผลตรวจ
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้: เช่น ยาลดความดันโลหิต (เช่น ACE inhibitors หรือ ARBs) หรือยาแก้ปวด (NSAIDs) เพราะอาจส่งผลต่อผลตรวจ
- เก็บปัสสาวะให้ถูกวิธี: มักใช้ปัสสาวะในตอนเช้า (first morning urine) หรือเก็บแบบสุ่ม (spot urine) ตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติมร่วมกับ UACR เพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัด เช่น:
- Estimated Glomerular Filtration Rate (eGFR): ตรวจการทำงานของไตผ่านระดับครีอะตินินในเลือด
- Urinalysis: ตรวจปัสสาวะเพื่อหาความผิดปกติ เช่น เลือดหรือโปรตีนในปัสสาวะ
- Blood Urea Nitrogen (BUN): วัดระดับของเสียในเลือดเพื่อประเมินการทำงานของไต
- การถ่ายภาพ: เช่น อัลตราซาวนด์หรือ CT scan เพื่อดูโครงสร้างของไตและทางเดินปัสสาวะ ช่วยตรวจหานิ่วในไต, เนื้องอก, หรือความผิดปกติอื่นๆ
- การตัดชิ้นเนื้อไต (Kidney Biopsy): ในบางกรณี เพื่อตรวจหาโรคไตบางประเภท เช่น glomerulonephritis โดยแพทย์จะใช้เข็มเจาะเนื้อเยื่อไตเล็กน้อยเพื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
หากผล UACR หรือ eGFR บ่งบอกถึงปัญหาไต แพทย์อาจแนะนำให้พบ นักไตวิทยา (nephrologist) เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษา
การดูแลตัวเองหากผล UACR ผิดปกติ
หากผล UACR สูง คุณสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้น ดังนี้:
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: หากเป็นเบาหวาน ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งและควบคุมอาหาร
- ควบคุมความดันโลหิต: รับประทานยาลดความดันตามแพทย์สั่ง และลดการบริโภคเกลือและโซเดียม
- รับประทานยาลดอัลบูมิน: แพทย์อาจสั่งยา ACE inhibitors (เช่น lisinopril) หรือ ARBs (เช่น losartan) เพื่อลดการรั่วของอัลบูมิน แม้ว่าความดันโลหิตจะปกติ
- ลดน้ำหนัก: หากน้ำหนักเกิน เพราะน้ำหนักตัวมากอาจเพิ่มแรงกดดันต่อไต
- เลิกสูบบุหรี่: เพราะการสูบบุหรี่อาจทำให้หลอดเลือดในไตเสียหายมากขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงยาที่ทำร้ายไต: เช่น ยาแก้ปวด NSAIDs (เช่น ibuprofen, naproxen) หากไม่จำเป็น
- ระวังสีย้อมคอนทราสต์: หากต้องตรวจด้วย CT scan หรือ MRI แจ้งแพทย์เกี่ยวกับภาวะไต เพื่อป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลัน
วิธีป้องกันความเสียหายของไต
คุณสามารถป้องกันความเสียหายของไตได้โดย:
- ตรวจไตเป็นประจำ: ตรวจ UACR และ eGFR อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะถ้าคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ: เลือกอาหารที่มีโซเดียม ไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลต่ำ แต่มีผลไม้สด, ผัก, ธัญพืชไม่ขัดสี, เนื้อไม่ติดมัน, ปลา, และสัตว์ปีกสูง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เช่น เดินเร็ว 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อรักษาน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม
- ระวังอาหารเสริม: ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิตามิน, สมุนไพร, อาหารเสริมลดน้ำหนัก, หรืออาหารเสริมเพาะกาย เพราะบางชนิดอาจทำร้ายไต
- ตรวจสอบยาที่ใช้: ตรวจสอบกับแพทย์ว่ายาที่ใช้เหมาะสมกับอายุและการทำงานของไตหรือไม่
ภาพประกอบ

การตรวจ UACR ในประเทศไทย
การตรวจ UACR สามารถทำได้ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกทั่วไปในประเทศไทย เช่น รพ.สต., โรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปอยู่ที่ 300–800 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่ ผลการตรวจมักทราบภายใน 1–2 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ตารางสรุปค่า UACR
ระดับ UACR (mg/g) | ความหมาย | คำแนะนำ |
---|---|---|
น้อยกว่า 30 | ปกติ | ดูแลสุขภาพไตต่อไป ตรวจซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ |
30–300 | อัลบูมินในปัสสาวะสูงเล็กน้อย (microalbuminuria) | ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
มากกว่า 300 | อัลบูมินในปัสสาวะสูงมาก (macroalbuminuria) | พบแพทย์ด่วนเพื่อตรวจเพิ่มเติมและรักษา |
สรุป
Urine Albumin-to-Creatinine Ratio (UACR) เป็นการตรวจที่สำคัญเพื่อดูการทำงานของไตและความเสี่ยงของโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง หากผลผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและดูแลสุขภาพไตอย่างเหมาะสม
ทบทวนวันที่: 21 เมษายน 2568
โดย: นพ.ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์