เกลือโซเดี่ยม Sodium
โซเดียม เป็นธาตุทที่อยู่ในสารละลายนอกเซลล์ Extracellular fluid ซึ่งแสดงประจุไฟฟ้าเป็นบวก (cation) โดยมีปริมาณส่วนใหญ่อยู่ภายนอกเซลล์ ด้วยความเข้มข้นประมาณ 140 mEq/L ดังนั้นโซเดียมจึงเป็นตัวควบคุมแรงดันออสโมติก (osmotic pressure)
สำหรับของเหลวหรือน้ำภายนอกเซลล์เม็ดเลือดแดง Extracellular fluid ขณะเดียวกันก็สร้างแรงดันภายในหลอดเลือด ทำให้สามารถวัดความดันเลือดได้ หากมีโซเดียมมากเกินไปก็จะเกิดสภาวะบวมน้ำ เช่น ในกรณีกินเกลือหรืออาหารเค็มมากเกินไป หรือไตเสื่อม หรือรับประทานยาบางชนิด ทำให้ไตไม่อาจขับโซเดียมทิ้งออกทางน้ำปัสสาวะได้ โซเดียมจะเกินทำให้บวมบริเวณขาหรือหลังเท้า
บทบาทของโซเดี่ยมในร่างกาย
- เป็นตัวสำคัญที่กำหนดออสโมลาลิตี้ (osmotic pressure) ของของเหลวนอกเซลล์ Extracellular fluid เพราะเป็นแร่ธาตุหรือไอออนที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดภายนอกเซลล์ และผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้น้อย จึงเป็นตัวที่ช่วยปรับแรงดันออสโมติกและการกระจายตัวของน้ำในส่วนต่างๆ ป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียน้ำมาก
- โซเดียมในของเหลวนอกเซลล์ร่วมกับคลอไรด์ และไบคาร์บอเนท มีหน้าที่ควบคุมดุลกรดและด่าง
- เป็นส่วนประกอบร่วมในการทำงานเกี่ยวกับการกระตุ้นประสาทกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อมีการหดตัวและเคลื่อนไหวได้
- ช่วยในการดูดซึมน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวและกรดอะมิโน
- สร้างความสมดุลของโปแทสเซียมและอิเล็กโทรไลท์อื่นๆ
- เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างกระดูกและฟัน
- เป็นส่วนประกอบของน้ำย่อยอาหาร น้ำที่หลั่งออกมาในระบบทางเดินอาหารซึ่งมีประมาณ 8 ลิตร จะมีโซเดียมร่วมอยู่ 1,000 มิลลิลิตร
การกระจายตัวของโซเดียมในร่างกาย
ในร่างกายคนปกติมีโซเดียมประมาณ 58 มิลลิโมลต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม หรือประมาณ 3,000–3,500 มิลลิโมล ส่วนใหญ่อยู่ในน้ำนอกเซลล์มากกว่าร้อยละ 90 การกระจายของโซเดียมในส่วนต่างๆ ของร่างกายมีดังนี้
- อยู่ในส่วนประกอบของกระดูกประมาณร้อยละ 43
- อยู่ในส่วนของน้ำนอกเซลล์ Extracellular fluid ประมาณร้อยละ 55
- อยู่ในส่วนของน้ำในเซลล์ประมาณร้อยละ 2
กลไกการควบคุมโซเดี่ยม
การรับโซเดียมเข้าสู่ร่างกาย
ปกติร่างกายรับโซเดียมจากอาหารประมาณวันละ1-2 มิลลิโมล แต่เราจะได้รับจากอาหารประมาณวันละ 130-260 มิลลิโมล หรือเท่าๆ กับปริมาณโซเดียมที่ขับถ่ายออกทางปัสสาวะ อุจจาระ และเหงื่อในแต่ละวัน โซเดี่ยมที่เราได้รับส่วนมากอยู่ในรูปของเกลือโซเดียม (NaCl) โดยเฉพาะ ในอาหารปรุงแต่งที่มีรสเค็มจากเครื่องปรุงรสอาหารต่างๆ เช่น ซี่อิ้ว ซ็อส กะปิและน้ำปลา เป็นต้น เมื่อเกลือโซเดียม (NaCl) ผ่านระบบทางเดินอาหารจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วที่บริเวณส่วนต้นของสำไส้เล็ก โซเดียมไหลเข้าออกผ่านเซลล์ที่เป็นเยื่อบุของลำไส้ด้วยวิธีที่ต้องอาศัยพลังงาน
การขับโซเดียมออกจากร่างกาย
การขับโซเดี่ยมออกจากร่างกายมีด้วยกัน
- การขับโซเดียมออกทางไต ร่างกายจะขับโซเดียมส่วนเกินออกทางไตโดยร่วมอยู่ในปัสสาวะมากที่สุด หรือเกือบเท่ากับปริมาณโซเดียมที่ได้รับ ไตจะมีความสามารถขับโซเดียมออกทิ้งน้ำปัสสาวะ ได้ประมาณ 450-500 mEq ต่อวัน ถ้ากินอาหารไม่เค็มจัดจนเกินไป ก็จะไม่มีปัญหาต่อไตมากนัก โซเดียมที่ขับออกทางปัสสาวะจะมากหรือน้อย จึงขึ้นอยู่กับจำนวนโซเดียมที่มีในอาหาร ดังนั้นหากรับประทานเค็มก็จะทำให้ไตทำงานหนักซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต
- การขับโซเดียมออกทางเหงื่อไม่ใช่กลไกหลักในการควบคุมปริมาณโซเดี่ยมในร่างกาย ร่างกายจะสูญเสียโซเดียมทางเหงื่อวันละประมาณ 25 มิลลิโมล การขับโซเดียมออกทางเหงื่อนั้น เป็นผลจากร่างกายต้องการขับความร้อนออกมา เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ แต่ในสภาวะที่อากาศร้อนหรือหลังการออกกำลังกายหรือมีไข้จะทำให้เสียเหงื่อมากถึง 5 ลิตร/วัน ก็จะทำให้ขับโซเดียมออกมามากขึ้นด้วย (> 250 มิลลิโมล)
- การขับโซเดียมทางอุจจาระ ร่างกายจะสูญเสียโซเดียมโดยปะปนออกไปกับอุจจาระไม่มากนัก ประมาณ 1-2 มิลลิโมลเท่านั้น พร้อมกับน้ำประมาณ 100-200 มิลลิโมลต่อวัน แต่ในระบบทางเดินอาหารจะมีการหลั่งน้ำออกมาประมาณ 8 ลิตรต่อวัน ซึ่งจะถูกดูดกลับเกือบทั้งหมด และในน้ำส่วนนี้จะมีอิเล็คโตรไลท์อยู่ด้วย การสูญเสียน้ำในช่องทางเดินอาหาร เช่น ในกรณีอุจจาระร่วง หรือมีการอาเจียนอย่างรุนแรง จะส่งผลให้มีการสูญเสียโซเดียมเพิ่มขึ้น
ในกรณีที่เรารับประทานอาหารจืดทำให้เกลือแร่โซเดี่ยมในเลือดต่ำ ร่างกายก็จะมีการปรับตัวโดยการหลั่งฮอร์โมน ACTH และ aldosteron ทำให้เราเสียโซเดี่ยมทางเหงื่อลดลง และมีการดูดซึมโซเดี่ยมที่ไตเพิ่มมากขึ้น หากเรารับประทานอาหารเค็มหรือมีเกลือมาก ร่างกายจะเร่งการขับเกลือออกทางปัสสาวะ และเหงื่อเพิ่มมากขึ้น
ความผิดปกติของโซเดี่ยม
Hyponatremia
Hypernatremia
ค่าปกติของโซเดียม (Na)
ค่าปกติทั่วไป
- ผู้ใหญ่/ผู้สูงอายุ Na : 136 – 145 mEq/L
โซเดี่ยม | โพแทสเซี่ยม | คลอไรด์ | ไบคาร์โบเนต | เกลือแกง | เกลือและสุขภาพ