โพแทสเซี่ยม Potassium
โพแทสเซี่ยม (K) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในเซลล์โดยพบปริมาณ 150 mEq/Lดังนั้นภายในเซลล์จะมีประจุ (+) ส่วนภายนอกเซลล์นั้นจะมีโพแทสเซี่ยมประมาณ 4 mEq/L
โดยค่าโพแทสเซี่ยมที่ตรวจหาได้จากการเจาะเลือดจะเป็นค่า
ของโพแทสเซี่ยมภายนอกเซลล์นี้นี่เอง
ค่าความแตกต่างในความเข้มข้นของระดับโพแทสเซี่ยมที่อยู่ภายในเซลล์และภายนอกเซลล์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนต่อกันนี้ อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงบทบาทในการทำหน้าที่ของผนังเซลล์ซึ่งได้แก่
- การส่งผ่านสารอาหารเข้าสู่ภายในเซลล์
- การชักนำเอาของเสียออกทิ้งภายนอกเซลล์
- การส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าของเซลล์ประสาทตามเส้นใยประสาท ไปสู่สมอง ซึ่งเป็นศูนย์กลาง และส่งผ่านกลับมายังหัวใจ หรือส่งไปยังกล้ามเนื้อเพื่อเป็นปฏิกิริยาใด ๆ ในการตอบสนอง เช่น ขณะเล่นกีฬา ขณะประสบอันตราย
อัตราส่วนระหว่างความเข้มข้นของโพแทสเซี่ยมที่อยู่ภายในและภายนอกเซลล์ดังกล่าวนั้น หากผิดไปจากเกณฑ์ปกติ ก็ย่อมอาจมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ถึงขั้นทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ หรืออาจทำให้การบังคับกล้ามเนื้อผิดปกติ เช่น อ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ของโพแทสเซี่ยม
- ช่วยให้กล้ามเนื้อ (รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ) และระบบประสาททั่วร่างกาย ทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง และสมบูรณ์แบบ
- ช่วยรักษาสภาวะสมดุลของเหลวสารละลาย (electrolyte) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ควบคุมดุลยภาพความเป็นกรด-ด่าง (acid-base balance) มิให้เกิดความเป็นกรดในร่างกายมากเกินไป
ธาตุที่สร้างความเป็นกรดในร่างกายได้อย่างน่ากลัวก็คือ โซเดียมจากเกลือ (จากน้ำปลา) หรือจาก อาหารเค็มทั้งหลายนั่นเอง
- ช่วยลดความเสี่ยงมิให้เกิดสภาวะความดันเลือดสูง
คนเราต้องการโพแทสเซี่ยมวันละเท่าไร
การรับประทานโพแทสเซี่ยมอย่างเพียงพอจะทำให้เซลล์ทำงานปกติ
เด็ก
- ทารก - 6 เดือน: 400 mg/day
- เด็ก7 เดือน - 12 เดือน: 700 mg/day
- เด็ก1 -3ปี: 3 grams (3,000 mg)/day
- เด็ก4 - 8 ปี: 3.8 grams (3,800 mg)/day
- เด็ก9 - 13 ปี: 4.5 grams (4,500 mg)/day
ผู้ใหญ่
- มากกว่า 19 years: 4.7 grams (4,700 mg)/day
- คนท้อง: 4.7 grams (4,700 mg)/day
- ให้นมบุตร: 5.1 grams (5,100 mg)/day
แหล่งอาหารที่มีโพแทสเซี่ยมสูงได้แก่
- มันฝรั่ง
- มะเขือเทศ
- Avocados
- ผลไม้สด เช่น กล้วย ส้ม
- น้ำส้ม น้ำมะพร้าว
- ผลไม้แห้งเช่น ลูกพรุน ลูกเกด apricots
- ผักขม
- ถั่วต่างๆ
โพแทสเซี่ยมและโรคหัวใจ
โพแทสเซี่ยมไม่ได้มีส่วนป้องกันโรคหัวใจโดยตรง แต่มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจดังนี้
ผลต่อความดันโลหิตสูง
มีการศึกษาว่าการได้รับโพแทสเซี่ยมเสริมจะสามารถลดระดับความดันโลหิตลงได้ 8 มิลิเมตรปรอท แต่เราไม่จำเป็นต้องไปรับประทานยาที่มีโพแทสเซี่ยม ให้เรารับประทานอาหารที่มีโพแทสเซี่ยมสูงเช่น ผัก ผลไม้
ผลต่อไขมันในเลือด
พบว่าอาหารที่มีโพแทสเซี่ยมสูงสามารถลดระดับ Cholesterolลงได้
ยาที่อาจจะทำให้ระดับโพแทสเซี่ยมสูง
- Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs):โดยเฉพาะผู้ที่ไตเสื่อมจะมีความเสี่ยงของโพแทสเซี่ยมสูง
- ACE inhibitors:เป็นยารักษาความดันโลหิตสูง โรคหัวใจวาย หากรับประทานยาลดความดันกลุ่มนี้ร่วมกับยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs potassium sparing diuretics และโดยเฉพาะผู้ที่มีไตเสื่อมจะทำให้มีโอกาศที่โพแทสเซี่ยมจะสูง ยาลดความดันโลหิตกลุ่มนี้ได้แก่
- Heparin
- Cyclosporine
- Trimethoprimand sulfamethoxazole, called Bactrim or Septra (an antibiotic)
- Beta-blockers:เป็นยารักษาความดันโลหิตสูง
ยาที่อาจจะทำให้ระดับระดับโพแทสเซี่ยมต่ำลง
- ยาขับปัสสาวะกลุ่ม Thiazide
- Hydrochlorothiazide
- Chlorothiazide (Diuril)
- Indapamide (Lozol)
- Metolzaone (Zaroxolyn)
- ยาขับปัสสาวะกลุ่ม Loop diuretics
- Furosemide (Lasix)
- Bumetanide (Bumex)
- Torsemide (Demadex)
- Ethacrynic acid (Edecrin)
- ยา Corticosteroids
- ยารักษาเชื้อรา Amphotericin B (Fungizone)
- ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร Antacids
- อินซูลิน Insulin
- ยารักษาเชื้อรา Fluconazole (Diflucan):
- ยารักษาโรคหอบหืด Theophylline
- ยาระบาย Laxatives
ค่าปกติของโพแทสเซี่ยม (K)
- ผู้ใหญ่/สูงอายุ K : 3.5 - 5.0 mEq/L
เกลือโพแทสเซี่ยม
โซเดี่ยม | โพแทสเซี่ยม | คลอไรด์ | ไบคาร์โบเนต | เกลือแกง | เกลือและสุขภาพ