เกลือ
ปัจจุบันทั้งประเทศไทยและต่างประเทศได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเกลือ และสุขภาพกันค่อนข้างมากเนื่องจากทั้งคนไทย และต่างประเทศบริโภคเกลือกันมากเกินไป บางประเทศบริโภคเกลือโซเดี่ยมปริมาณ 3400 มกซึ่งคนปกติบริโภคไม่เกิน 1500 มก ซึ่งจะเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง การบริโภคเกลือน้อยลงนอกจากลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงแล้วยังลดการเกิด โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ กระดูกพรุน มะเร็งกระเพาะอาหาร และโรคไต
เกลือโซเดี่ยมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อปริมาณน้ำในเลือด ภาวะเป็นกรดด่าง การทำงานของระบบประสาท การทำงานของเซลล์ การหดตัวของกล้ามเนื้อ แต่การรับประทานเกลือมากเกินไปก็อาจจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคไต อ่านผลเสียของการรับประทานเกลือ
ประโยชน์ของเกลือโซเดี่ยมต่อสุขภาพ

อาหารที่เรารับประทานเกือบทุกชนิดจะมีปริมาณเกลืโซเดี่ยมอยู่เพียงพอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเติมเกลือ การเติมเกลือมีเหตุผลเดียวคือเพื่อปรุงรสตามความต้องการ ประโยชน์ของเกลือต่อสุขภาพได้แก่
- รักษาความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ เนื่องจากเกลือโซเดี่ยมเป็นตัวควบคุมความสมดุลของน้ำในเซลล์และน้ำนอกเซลล์
- รักษาสมดุลอุณหภูมิของร่างกาย การขับเหงื่อเป็นจากการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย และเกลือโซเดี่ยมก็เป็นแร่ที่เสียมากเมื่อมีเหงื่อออกมาก
- การทำงานของสมองเนื่องจากเกลือโซเดี่ยมเป็นเกลือที่สำคัญในเนื้อสมอง การเปลี่ยนแปลงของเกลือโซเดี่ยมเพียงเล็กน้อยก็ทำให้สมองทำหน้าที่เสียไป หากเกลือโซเดี่ยมในเลือดต่ำก็จะทำให้ชัก ซึม และหมดสติ
- ตะคริวเมื่อร่างกายขาดน้ำและเกลือจะทำให้เกิดตะคริว
- เกลือโซเดี่ยมจะทำใหเซลล์มีการใช้กลูโคสเพิ่มขึ้น
- เกลือโซเดี่ยมจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังดังนั้นจึงมีบทบาทเรื่องการเหี่ยวย่นของผิวหนัง
- เกลือโซเดี่ยมจะช่วยให้ทั้งกล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อทำงานดีขึ้น
คนเราได้รับเกลือจากทางไหนบ้าง
ปัญหาใหญ่ก็คือคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเกลือในแต่ละวันมากเกินไป ส่วนใหญ่ปริมาณโซเดี่ยมร้อยละ 75 เราได้มากจากอาหารสำเร็วรูปหรืออาหารที่ปรุงเสร็จแล้วทั้งจากอาหารตามร้านค้า และอาหารพร้อมปรุง จึงทำให้คนทั่วไปคิดว่าตัวเองได้รับเกลือน้อย
คนไทยเมื่อรับประทานอาหารมักจะใส่เครื่องปรุงโดยไม่ชิมรสชาด โดยทั่วไปอาหารที่เรารับประทานจะมีเกลืออยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเติมเกลือ การรับประทานเกลือมากจะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
เกลือแกงและโซเดี่ยม
ทางการแพทย์จะแนะนำมิให้รับประทานโซเดี่ยมเกินวันละ 1500 มิลิกรัม ซึ่งไม่เท่ากับน้ำหนักของเกลือแกง โดยทั่วไปโซเดี่ยมในเกลือจะมีน้ำหนักประมาณ ร้อยละ 40 ของน้ำหนักเกลือ ในชีวิตประจำวันเราใส่เกลือดโดยใช้ช้อนชา(บางคนอาจจะใช้ช้อนโต๊ะ)จึงมีการคำนวณน้ำหนัก โซเดี่ยมตามปริมาณเกลือ(เป็นช้อน)
- 1/4 ช้อนชาของเกลือ = 575 มิลิกรัมโซเดี่ยม
- 1/2 ช้อนชาของเกลือ = 1,150 มิลิกรัมโซเดี่ยม
- 3/4 ช้อนชาของเกลือ = 1,725 มิลิกรัมโซเดี่ยม
- 1ช้อนชาของเกลือ = 2,300 มิลิกรัมโซเดี่ยม
เมื่อไรจึงจะเรียกว่าอาหารนั้นมีเกลือต่ำหรือเกลือดสูง
ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารเราสามารถได้ข้อมูลจากสลากอาหารซึ่งจะระบุไว้ สมาคมโรคหัวใจของอเมริกาแนะนำไว้ว่าคนปกติไม่ควรที่จะรับประทานเโซเดี่ยมเกินวันละ 1500มิลิกรัม ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารจะบ่งบอกว่าอาหารเป็นอาหารที่มีเกลือต่ำหรือสูง
อาหารที่ไม่มีโซเดี่ยม | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 5 mg |
อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำมาก | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 35 mg |
อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำ | มีปริมาณโซเดี่ยมเท่ากับหรือน้อยกว่า140 mg |
อาหารลดโซเดี่ยม Reduced (or less) sodium | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่าปกติร้อยละ25 |
อาหารที่มีโซเดี่ยมน้อย Light in sodium | มีปริมาณโซเดี่ยมร้อยละ50ของปกติ |
การที่จากบอกว่าเป็นอาหารสุขภาพจะต้องมีปริมาณโซเดี่ยมไม่เกิน 480 mg ต่อชนิดของอาหาร และไม่เกินโซเดี่ยมไม่เกิน 600 mg ต่อมื้อ
จากข้อมูลการศึกษาของอเมริกาพบว่าประชาชน9คนใน10คนบริโภคเกลือเกินโดยเฉลี่ยบริโภคเกลือโซเดี่ยม 3700 มิลิกรัม และยังพบอีกว่าเด็ก1 คนใน 6 คนความดันโลหิตสูงขึ้น และหากไม่ควบคุมเด็กเหล่านี้จะกลายเป็นโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตซึ่งจะทำให้เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม เราจะลดปริมาณเกลือโซเดี่ยมสำหรับเด็กอย่างไร
เราได้รับเกลือโซเดี่ยมจากแหล่งไหนบ้าง
จากการศึกษาของอเมริกา(ซึ่งประเทศไทยก็น่าจะมีลักษณคล้ายกัน)พบว่าคนอเมริกาได้รับเกลือจากแหล่งดังต่อไปนี้
- อาหารสำเร็จรูป และการรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยได้รับเกลือโซเดี่ยมถึงร้อยละ 77 ของปริมาณเกลือโซเดี่ยมทั้งหมด
- จากอาหารที่รับประทาน ซึ่งได้รับปริมาณกลือประมาณร้อยละ12
- ปรุงรสขณะรับประทานอาหาร ซึ่งรับประทานเกลือโซเดี่ยมไปร้อยละ6
- รับประทานเกลือโซเดี่ยมจากอาหารที่บ้านประมาณร้อยละ5
การรับประทานอาหารของสังคมของอเมริกาน่าจะบริโภคอาหารสำเร็จรูปมาก และนิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมาก ทำให้ได้รับปริมาณเกลือโซเดี่ยมมากประกอบกับอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดี่ยมปริมาณค่อนข้างสูง สำหรับบ้านเราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้คนรับประทานอาหารสำเร็จรูปและรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น ดังนั้นการจะลดการบริโภคเกลือโซเดี่ยมจะต้องมีการร่วมมือกันหลายฝ่าย
นอกจากจะพยายามลดอาหารเค็มหรือปริมาณเกลือโซเดี่ยมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีเกลือโปรแตสเซี่ยมสูงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการรับประทานเกลือโซเดี่ยมสูง
อาการของผู้ที่มีโซเดี่ยมในเลือดต่ำ
อาการของผู้ที่บริโภคเกลือมากเกินไป
วิธีลดเกลือเมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน
เคล็กลับในการรับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ
- เมื่อท่านซื้ออาหารรับประทานให้อ่านฉลากอาหารโดยเลือกอาหารที่มีปริมาณเกลือโซเดี่ยมน้อยกว่า 5% DV( Daily Value) ถือว่ารับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ หากรับประทานอาหารที่มีเกลือโซเดี่ยมมากว่า 20% DV จะถือว่ารับประทานเกลือโซเดี่ยมสูง รวมทั้งวันไม่ควรจะเกิน 65% DV.
- หากซื้ออาหารประเภทเดียวกันให้เลือกอาหารที่มีเกลือโซเดี่ยมต่ำ
- เลือกอาหารที่ฉลากอาหารระบุว่ามีโซเดี่ยมต่ำและมีโปแตสเซี่ยมสูง
- เมื่อปรุงอาหารที่บ้านให้ใช้เกลือหรือซอสให้น้อยใช้สมุนไพร หรือเครื่องเทศอื่นแทน
- เมื่อรับประทานอาหารนอกบ้านเลือกอาหารที่มีเกลือน้อย และถามบริกรว่ามีอาหารที่มีเกลือต่ำหรือไม่
ต้องได้เกลือโปแตสเซี่ยมอย่างเพียงพอ
เกลือโซเดี่ยมและเกลือโปแตสเซี่ยมอกฤทธิ์ตรงกันข้าม เกลือโซเดี่ยมจะเพิ่มความดันโลหิตและโรคหัวใจในขณะที่เกลือโปแตสเซี่ยมจะขยายหลอดเลือด เพิ่มการขับเกลือโซเดี่ยม ขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต เกลือโปแตสเซี่ยมพบมากในอาหารจำพวกผักใบเขียว ผลไม้ เช่นองุ่น แครอท ส้ม องุ่น ควรจะรับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมวันละ 4700 มิลิกรัม
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานเกลือโซเดี่ยมมากจะมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ20 เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานเกลือโซเดี่ยมน้อย และผู้ที่รับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมมากจะมีอัตราการเสียชิวิตน้อยลงร้อยละ20 เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมต่ำ
ใครไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกินกำหนด
ตามที่กำหนดไว้ในแนวทางการรับประทานอาหารว่าไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกินวันละ 2300 มอลิกรัมหรือเกลือแกงไม่เกิน1 ช้อนชา แต่คนส่วนใหญ่ยังรับประทานเกลือโซเดี่ยมเกินกว่ากำหนด สำหรับกลุ่มเสี่ยงแนะนำมิให้รับประทานเกลือเกินวันละ 1500มิลิกรัม กลุ่มดังกล่าวได้แก่
- คนที่อายุเกิน 50 ปี
- ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะมีความดันโลหิตสูง เช่นวัดความดันโลหิตแล้วได้ 140/90 หรือผู้ที่อ้วน หรือมีประวัติความดันโลหิตสูงในครอบครัว
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- African Americans
- โรคไต
- โรคหัวใจวาย
หากท่านอยู่กลุ่มดังกล่าวแนะนำให้บริโภคเกลือต่ำ
หากรับประทานเกลือโซเดี่ยมสูงจะเกิดอะไรกับร่างกาย
เมื่อเรารับประทานเกลือโซเดี่ยมสูงจะทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเพื่อให้ไตดูดซึมน้ำเพิ่ม เพื่อที่จะเจือจางเกลือโซเดี่ยมให้มีค่าคงที่ ผลจะทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้นทั้งในกระแสเลือดและรอบเซลล์ การที่ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นจะทำให้หัวใจทำงานเพิ่มขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้น เมื่อความดันโลหิสูงเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้อในผนังหลอดเลือดหนาตัวเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
ผลเสียของการบริโภคเกลือโซเดี่ยมสูง
วันหนึ่งเราควรจะรับประทานเกลือโซเดี่ยมเท่าไร
อายุ | แนะนำให้รับประทานวันละ | สูงสุดไม่เกิน |
---|---|---|
เด็กอายุน้อยกว่า1ปีไม่ควรเติมเกลือในอาหาร |
||
1-3 ปี | 1,000 mg | 1,500 mg |
4-8 ปี | 1,200 mg | 1,900 mg |
9-13 ปี | 1,500 mg | 2,200 mg |
14-50 ปี | 1,500 mg | 2,300 mg |
51-70 ปี | 1,300 mg | 2,300 mg |
71+ ปี | 1,200 mg | 2,300 mg |
คุณพ่อคุณแม่ที่ทำอาหารเลี้ยงเด็กน้อยของท่านได้เติมซอสหรือซี่อิ้วหรือเปล่า หากเติมก็เลิกนะครับ
สรุป
- เกลือโซเดี่ยมมากจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
- คนเราไม่ควรจะรับประทานเกลือโซเดี่ยมเกิน 2300 มิลิกรัม(หากเป็นเกลือแกงไม่เกิน1ช้อนชา) สำหรับางท่านหรือตามอายุไม่ควรจะเกิน 1500 มิลิกรัม
- อาหารที่ผ่านกระบวนการเช่นอาหารกระป๋อง อาหารจานด่วน อาหารจากร้านอาหารจะเป็นแหล่งที่ทำให้คนเราได้รับโซเดี่ยมเกิน
อาหารที่มีปริมาณเกลือมากได้แก่
- anchovies
- bacon
- cheese
- gravy granules
- ham
- olives
- pickles
- prawns
- salami
- salted and dry roasted nuts
- salt fish
- smoked meat and fish
- soy sauce
- stock cubes
- yeast extract
อาหารที่อาจจะมีปริมาณเกลือสูงขึ้นกับกรรมวิธีการผลิตได้แก่
- bread products such as crumpets, bagels and ciabatta
- pasta sauces
- crisps
- pizza
- ready meals
- soup
- sandwiches
- sausages
- tomato ketchup, mayonnaise and other sauces
- breakfast cereals
เรื่องเกี่ยวกับเกลือ | เกลือและสุขภาพ | เกลือและสุขภาพเด็ก | แนวทางในการลดปริมาณเกลือ | การลดเกลือที่บ้าน | การลดเกลือเมื่อต้องจ่ายตลาด | ทานอาหารนอกบ้านให้มีเกลือต่ำ | อาหารจานด่วนที่มีเกลือมาก | ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกลือ | ฉลาดเลือกอาหาร | รับประทานอาหารเกลือต่ำ | องค์การอนามัยโลกแนะนำเรื่องการรับประทานเกลือ | วิธีเลือกอาหารที่มีเกลือน้อย | เกลือทำให้โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
ทบทวนวันที่ 1/6/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว