การเลือกซื้อน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพมากที่สุดคือน้ำมะกอกบริสุทธิ์หรือ Extra Vigin Olive Oil ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว มีวิตามิอี และวิตามินเค ป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันและลดน้ำตาล

Extra Vigin Olive Oil | Virgin Olive Oil | Refined Olive Oil | Pure Olive Oil | Olive Pomace Oil

ชนิดของน้ำมัมะกอก

ในประเทศที่ใช้มาตรฐานของสภามะกอกนานาชาติ  หรือในออสเตรเลีย หรือในสหรัฐที่ผู้ผลิตสมัครใจถือตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรมีด้วยกัน 5 ชนิด


น้ำมันมะกอก

1.น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้า เวอร็จิ้น (Extra Vigin Olive Oil)

น้ำมันเกรดสูงสุดจากการกดมะกอกครั้งแรกที่ได้จากการสกัดทางกลโดยไม่ใช้สารเคมี ตัวทำละลาย หรือการกลั่น ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีหรือความร้อน มีสีเขียวเข้ม รสชาติเหมือนผลมะกอก เหมาะสำหรับการทำซอสพาสต้า และน้ำสลัด หรือใช้ปรุงอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน สารประกอบที่ดีต่อสุขภาพส่วนใหญ่ยังคงไม่บุบสลาย จัดเป็นน้ำมันมะกอกที่ดีที่สุด ซึ่งมีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสูงกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่น น้ำมันที่มีรสและกลิ่นดีเยี่ยม มีรสชาติที่ดี  ไม่มีกรดไขมันอิสระเกิน 0.8%  

  • อุณหภูมิเกิดควัน Extra-Virgin Olive Oil – 375˚F ทนความร้อนได้ดี
  • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ(ประมาณ 14 grams)
    • พลังงาน: 119
    • ไขมันอิ่มตัว: 14% of total calories
    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว: 73% ของพลังงานที่งหมด
    • ไขมันอิ่มตัว (PUFA): 11% ของพลังงานที่งหมด
    • Vitamin E: 13% (DV)
    • Vitamin K: 7% DV

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกชนิด Extra virgin olive oil จะป้องกันโรคหัวใจโดยผ่านกลไกดังน

    • ลดการอักเสบ 
    • ลดไขมันเลว LDL cholesterol.
    • ทำให้ผนังหลอดเลือดทำงานดีขึ้น
    • ลดการเกิดลิ่มเลือดซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจ
    • ลดความดันโลหิต

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงไม่แปลกใจที่น้ำมันมะกอกบริสุทธื์สามารถการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากน้ำมันมะกอกทนต่อความร้อนได้สูงจึงสามรถใช้ปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ

  • การผัดโดยใช้ความร้อนสูง และน้ำมันน้อย stir-frying
  • sautéing
  • ทำน้ำสลัด
  • ใช้หมัก


2น้ำมันมะกอกเวอร์จิน (Virgin Olive Oil)

เกรดที่สองของน้ำมันจากมะกอกกดครั้งที่สอง เป็นเกรดรองลงมาน้ำมันที่มีรสและกลิ่นดีพอควรเหมาะสำหรับการทำพาสต้าซอส, และทำน้ำสลัด ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีหรือความร้อน สารประกอบที่ดีต่อสุขภาพส่วนใหญ่ยังคงไม่บุบสลาย

ใช้วิธีการบีบเอาน้ำมันจากผลมะกอกสด (cold pressing process) แต่จะใช้ผลมะกอกที่แก่กว่าน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้า เวอร็จิ้น มีคุณภาพรองลงมาจากน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น (Extra Vigin Olive Oil) และมีราคาถูกกว่า มีกรดไขมันอิสระอาจถึง 1.5% มีรสชาติดี อุณหภูมิเกิดควันVirgin Olive Oil เท่ากับ 391˚F ทนความร้อนได้ดีกว่า Extra-Virgin Olive Oil

3น้ำมันมะกอกกลั่นหรือน้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี(Refined Olive Oil, Light Olive Oil, Extra Light Olive Oil)

เป็นน้ำมันที่กลั่นโดยตัวกรองทางเคมีหรือทางกลอื่น ๆ ผ่านการใช้ความร้อน มีการสกัดกลิ่น สี รส ออกไป เพื่อกำจัดกรดไขมันอิสระหรือสารแปลปลอมน้ำมัน โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างกลีเซอไรด์ของน้ำมัน ทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นจำนวนมาก มีสีอ่อนกว่าชนิดอื่น และราคาค่อนข้างถูก มีกรดไขมันอิสระเป็นกรดโอเลอิกไม่เกิน 0.3% เหมาะสำหรับการทอดนานๆ เช่น ทอดปลา ทอดน่องไก่ เป็นต้น

4.Pure Olive Oil

เป็นน้ำมันมะกอกที่เกิดจากการผสมน้ำมันมะกอกชนิด Extra Vigin Olive Oil หรือ Virgin Olive Oil กับน้ำมันมะกอกกลั่น เพื่อทำให้น้ำมันมะกอกกลั่นมีคุณภาพที่ดีขึ้น

  • การผัดโดยใช้ความร้อนสูง และน้ำมันน้อย stir-frying
  • sautéing
  • การปิ้ง
  • การอบ
  • การทอด
  • การหมัก

คุณสมบัติของ Pure Olive Oil หนึ่งช้อนโต๊ะ(14 grams)

  • อุณหภูมิเกิดควันสูง 465°F/240°C
  • 119 calories
  • 67% เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
  • 10% เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
  • 16% เป็นไขมันอิ่มตัว

5.น้ำมันกากมะกอก (Olive Pomace Oil) 

เป็นน้ำมันกากมะกอกกลั่น ผลิตโดยการสกัดน้ำมันจากกากมะกอก ผ่านกระบวนการทางเคมีและความร้อน เป็นน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพต่ำที่สุด แต่ก็ถือเป็นน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารได้ บ่อยครั้งผสมกับน้ำมันเวอร์จิน ใช้บริโภคได้ มีรสจืดกว่าเทียบกับน้ำมันเวอร์จิน แต่ก็มีองค์ประกอบทางไขมันเหมือนกับน้ำมันมะกอกธรรมดา ทำให้มีประโยชน์ทางสุขภาพ และยังมีจุดก่อควันสูงกว่า ดังนั้นจึงมักนิยมใช้ในร้านอาหารและในบ้านสำหรับบางประเทศ เหมาะสำหรับการนำมาทอดอาหารที่ใช้ความร้อนสูง

ความเห็นของผู้เขียน

  • การเลือกซื้อน้ำมันมะกอกขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน หากใช้ทำสลัดหรือใช้ความร้อนน้อยก็ควรจะเลือก Extra Vigin Olive Oil เนื่องจากมีไขมันดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก
  • หากนำน้ำมันไปทอดที่อุณหภูมิสูงเป็นเลานาน น่าจะใช้ชนิด Pure Olive Oil ส่วนน้ำมัน Extra Vigin Olive Oil หรือ Vigin Olive Oil หากถูกความร้อนสูงจะทำให้สูญเสียอนุมูลอิสระ
  • หากต้องการใช้ทอดก็ควรจะเลือกใช้ Refined Olive Oil หรือLight Olive Oil หรือ Pure Olive Oil ซึ่งทนต่อความร้อน
  • การเลือกซื้อต้องอ่านฉลากที่ติดข้างขวด

เรียบเรียงวันที่ 9/1/2566

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

 

Google
 

เพิ่มเพื่อน