การดูแลผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหมู

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ระบาดมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ด้วยความประมาท และด้อยประสิทธิภาพของกระทรวงสาธารณสุขทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทำให้มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยมีมากเกินอัตรากำลังของแพทย์ที่จะดูแลได้ ท่านที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จะสายพันธุ์ใหม่หรือเก่าท่านต้องดูแลตัวเองในเบื้องต้น หากพบว่าอาการไม่ดี หรือเป็นนานท่านจะต้องปรึกษาแพทย์

อุปกรณ์หรือสถานที่สำหรับการดูแลผู้ป่วย

  • ห้องสำหรับผู้ป่วยนอน หากให้ดีควรจะมีห้องน้ำในตัว และควรจะเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ควรเป็นห้องที่โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก
  • หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยสวมเมื่อเวลาออกนอกห้อง
  • สบู่หรือแอลกอฮอล์เหลวสำหรับล้างมือเมื่อไอ จาม หรือกำลังจะออกนอกห้อง
  • ปรอทวัดไข้
  • ผ้าสำหรับเช็ดตัวลดไข้
  • สมุดสำหรับจดบันทึกอุณหภูมิ ชีพขจร การหายใจ
  • น้ำยาเช็ดพื้น
  • กระดาษทิสชู่
  • ที่ทิ้งขยะและมีถุงสำหรับมัด

ไข้หวัดหมูอาจจะทำให้เกิดอาการ ไข้ไอ เจ็บคอ ปวดสรีษะ ปวดตามตัว บางคนอาจจะมีอาการท้องร่วงคลื่นไส้อาเจียน บทความต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้อย่างปลอดภัย

เชื้อไข้หวัดหมูติดต่ออย่างไร และการดูแลผู้ป่วยต้องทำอย่างไร

เชื้อไข้หวัดหมูก็เหมือนกับเชื้อไข้หวัดทั่วไปติดต่อโดย

  1. การไอ จามและมีเสมหะหรือน้ำมูกที่มีเชื้อโรคลอยไปในอากาศและเข้าจมูก ปากหรือตาของคนที่อยู่ใกล้
  2. น้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ป่วยปนเปื้อนอยู่กับสิ่งแวดล้อม เช่นลูกบิดประตู ราวบันได แป้นคอมพิวเตอร์ และคนทั่วไปไปสัมผัสและเอาเข้าปาก เชื้อก็สู่ร่างกาย
  3. หรือมือสัมผัสมือหรือส่วนอื่นของผู้ป่วยที่ปนเปื้อนเสมหะที่มีเชื้อโรค แล้วเอาเข้าปาก

การดูผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดหมู

  • ท่านต้องตรวจสอบว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนหรือไม่ กลุ่มที่เสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนได้แก่ ผู้สูงอายุ ท่านที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคปอด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • ปรึกษาแพทย์ประจำตัวท่านว่าท่านต้องได้รับยาต้านไวรัสหรือเปล่า
  • อยู่ในบ้าน 7วันนับจากวันที่มีไข้หรือ ไม่มีอาการแล้ว 24 ชม
  • พักผ่อนให้มาก
  • ดื่มน้ำหรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันมิให้ร่างกายขาดน้ำ
  • ปิดปากหและจมูกเมื่อเวลาไอหรือจาม และล้างมือบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนอื่นโดยไม่จำเป็น ให้หยุดงาน หยุดเรียน ไม่ควรไปที่สาธารณะที่มีคนมาก เช่นห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ เป็นต้น
  • เฝ้าดูว่ามีอาการฉุกเฉินที่จำเป็นจะต้องรีบไปพบแพทย์

การใช้ยารักษาโรค

โรคไข้หวัดโดยทั่วไปยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับยาต้านไวรัส ยาต้านไวรัสเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน หรือมีอาการหนัก

  • ในเด็กหรือวัยรุ่นไม่ควรได้รับยาลด aspirin เพราะจะทำให้เกิดโรค Reye syndrome
  • หากซื้อยารับประทานต้องตรวจสลากว่าไม่มี aspirin
  • ยาแก้ปวดลดไข้ที่ใช้ได้คือ acetaminophen และ ibuprofen
  • ในเด็กเล็กไม่ควรใช้ยาลดน้ำมูก ควรจะใช้เต้นพ่นละออง และลูกที่ดูดเสมหะ

ภาวะที่ต้องรีบไปพบแพทย์

  • หายใจลำบากหรือเจ็บหน้าอก
  • ผิวหรือริมฝีมากมีสีม่วง
  • อาเจียนจนรับประทานอาหารไม่ได้
  • มีอาการขาดน้ำ เช่น เวียนศรีษะ หน้ามืดเวลายืนขึ้น ปัสสาวะน้อยลง เด็กจะร้องไห้ไม่มีน้ำตา
  • มีอาการชัก
  • เด็กซึม

การลดการติดต่อภายในบ้าน

เมื่อคนในบ้านป่วยด้วยไข้หวัดหมู คนดูแลผู้ป่วยจะต้องดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดีแล้ว ยังต่อป้องกันตัวเอง และคนในบ้านมิให้ติดเชื้อด้วย วิธีการป้องกันมีดังนี้

  • แยกผู้ป่วยออกจากสมาชิกในครอบครัวให้มากที่สุด
  • ให้ผู้ป่วยปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม
  • ให้ล้างมือทุกครั้งหลังจามหรือไอ
  • ให้สมาชิกในครอบครัวล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ
  • ปรึกษาแพทย์ว่าจะให้ยาต้านไวรัสเพื่อป้งกันโรคแก่กลุ่มเสี่ยงที่อาศัยในบ้านเดียวกัน

จะให้ผู้ป่วยนอนที่ไหนดี

  • หากเป็นไปได้ควรจะแยกห้องให้ผู้ป่วยต่างหากและมีห้องน้ำในตัวประตูห้องควรจะปิดอยู่ตลอดเวลา
  • หากไม่มีความจำเป็นก็ให้อยู่แต่ในห้องเป็นเวลา 7 วันสำหรับผู้ใหญ่ 10 สำหรับเด็กหลังจากเกิดอาการ
  • หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านหรือมายังที่มีคนอยู่ก็ให้สวมหน้ากากอนามัย
  • หากมีห้องน้ำแยกต่างหากจะช่วยลดการติดเชื้อ และให้ล้างห้องน้ำทุกวัน

การป้องกันคนอื่นติดเชื้อจากผู้ป่วย

  • หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมีคนมาเยี่ยม
  • ให้มีคนดูแลเพียงคนเดียว
  • ไม่ควรให้คนท้องมาดูแลผู้ป่วย
  • สมาชิกในบ้านต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ
  • ห้องที่พักควรจะมีการระบายอากาศที่ดี
  • ให้ใช้ tissue เช็ดมือแล้วทิ้ง หรือใช้ผ้าเช็ดมือผืนเล็กแล้วล้าง
  • หากผู้ร่วมอยู่ในบ้านมีไข้ ปรึกษาแพทย์ว่าจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสหรือไม่

หากคุณเป็นคนดูแล คุณต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

  • ไม่ควรนั่งประจันหน้ากับผู้ป่วยแบบใกล้ชิด
  • หากต้องอุ้มเด็กให้เอาคางเด็กพาดไว้ที่ไหล่เพื่อป้องกันเสมหะเข้าจมูก
  • ล้างมือทุกครั้งเมื่อสัมผัสผู้ป่วย
  • โปรดระลึกเสมอว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถติดเชื้อจากผู้ป่วยได้ตลอดเวลา และอาจจะแพร่สู่ผู้อื่นได้โดยที่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นเมื่อต้องอกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
  • ปรึกษาแพทย์ว่าจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ที่สำคัญต้องดูอาการตัวเองว่ามีอาการไข้หรือเปล่า หากมีต้องปรึกษาแพทย์

การใช้หน้ากากอนามัย

  • หลีกเลี่ยงการประจันหน้าใกล้ชิด(ระยะ 6 ฟุต)
  • หากต้องประจันหน้าให้ใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
  • หากต้องพ่นยาให้ผู้ป่วยให้ใส่หน้ากากชนิด N95
  • เมื่อใช้หน้ากากเสร็จให้ทิ้งเลย ไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่
  • ล้างมือหลังถอดหน้ากากอนามัย

การทำความสะอาดอุปกรณ์

  • ทิ้งกระดาษหรืออุปกรณืที่ใช้แล้วทิ้งเลย
  • เช็ดทำความสะอาดเตียง พื้นด้วยน้ำสบู่
  • เสื้อผ้า อุปกรณ์ทานอาหารไม่ควรใช้ร่วมกัน แต่ทำความสะอาดพร้อมกันได้