การคัดกรองผู้ป่วยโรคไต


เมื่อแพทย์แจ้งให้ท่านทราบว่าท่านเป็นโรคไต แพทย์จะต้องประเมินปัจจัยต่างๆที่จะทำให้ผู้ป่วยแย่งลง หัวข้อที่จะต้องประเมินมีดังต่อไปนี้

  1. ประเมินเรื่องความดันโลหิต
  2. ประเมินเกี่ยวกับโรคไตที่ท่านเป็นอยู่
  • ประเมินว่าท่านเป็นโรคไตชนิดไหน
  • ประเมินว่าท่านมีโรคอื่นด้วยหรือไม่
  • ประเมินการทำงานของไต
  • ประเมินโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากไตวาย
  • ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไตวาย
  • อัตราการเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  1. การรักษาโรคไตเสื่อม
  2. แผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยแต่ละท่านตามโรคที่เป็นอยู่และความรุนแรงของโรค
  3. ผู้ป่วยที่ความดันโลหิตไม่ได้ตามเป้าหมายต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม
  4. ประเมินความจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  5. การทบทวนการยาที่ใช้รักษาทุกครั้งที่ไปพบแพทย์

การตรวจเลือดเพื่อประเมินโรคไต

เมื่อท่านเริ่มป่วยเป็นโรคไตแพทย์จะเจาะเลือดหรือตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นโดยแพทย์จะตรวจดังต่อไปนี้

  1. เจาะเลือดเพื่นตรวจ CBC
  • จะมีโลหิตจาง ผู้ป่วยจะซีดลงเมื่อไตเสื่อมมากขึ้น
  • เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดจะปกติ
  • เจาะเลือดตรวจการทำงานของไตโดยเจาะหาค่า Creatinine และการทำงานของไต


  • เราสามารถประเมินการทำงานของไตได้หลายวิธีดังต่อไปนี้

    • การเจาะเลือดหา BUN หรือ blood urea nitrogen เป็นการประเมินการทำงานของไตที่ที่ได้ผลไม่ดีเนื่องจากมีตัวแปรที่ทำให้ค่านี้ขึ้นได้แก่ อาหาร การขาดน้ำ
    • เจาะเลือดหาค่า creatinine แต่มีปัญหาไม่สามารถบอกการทำงานของไตเพราะค่าอาจจะปกติแต่ไตเสียการทำงานไปแล้วครึ่งหนึ่ง
    • หาอัตราการกรองของไต
  • ตรวจหาโปรตีนหรือไข่ขาวในปัสสาวะเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค
  • นำปัสสาวะไปตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์เพื่อส่องหาเม็ดเลือดแดง ตะกอนต่างๆ
  • ตรวจทางรังสีหรือ ultrasound เพื่อตรวจทางกายภาพของไตซึ่งสามารถตรวจได้ดังต่อไปนี้
    • การตรวจทางรังสีธรรมดาซึ่งจะแสดงภาพเงาของไต นิ่วที่ทึบแสง
    • การฉีดสีเพื่อตรวจทางเดินของระบบปัสสาวะ แต่ต้องระวังในคนที่ไตเริ่มเสื่อมเพราะจะทำให้ไตเสื่อมมากขึ้น
    • การตรวจ Ultrasound ของไตเพื่อจะดูขนาดของไต าหกไตวายเรื้อรังขนาดของไตจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ หรือเป็นโรค polycystic ก็สามารถเห็นด้วยการตรวจชนิดนี้ ไตโตจากการที่มีนิ่วหรือต่อมลูกหมากที่โตและอุดทางเดินปัสสาวะก็สามารถมองเห็นด้วยวิธีการตรวจชนิดนี้
    • การใส่สายเข้าทางท่อปัสสาวะและฉีดสีเป็นวิธีการตรวจทางเดินปัสสาวะในกรณีที่ไตเสื่อมมากจนไม่สามารถตรวจโดยการฉีดสี
    • การตรวจ computer ก็สามารถบอกโครงสร้างของไต บอกเรื่องเนื้องอก ใช้ทดแทนในกรณีที่ฉีดสีไม่ได้
    • การตรวจ MRI เป็นการตรวจไตโดยใช้คลื่นแม่เหล็กซึ่งสามารถวินิจฉัยโรคได้มากกว่าการตรวจ computer เช่นเส้นเลือดแดงตีบ
    1. เจาะเลือดดูเกลือแร่ในเลือด โซเดี่ยม โพแทสเซี่ยม
    • การตรวจระดับน้ำตาลของเลือดเพื่อจะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ หากเป็นเบาหวานจะทำให้ทราบว่าควบคุมเบาหวานได้หรือไม่
    • การตรวจค่าโซเดี่ยม Sodium ซึ่งมักจะมีค่าปกติหรือต่ำ
    • การตรวจระดับโพแทสเซี่ยม Potassium หากมีการเสื่อมของไตมากค่านี้จะสูง
    • ตรวจระดับความเป็นกรดของเลือดหรือค่า Bicabonate ผู้ป่วยไตวายจะมีค่า Bicabonateต่ำเนื่องความเป็นกรดในเลือด
    • ตรวจหาระดับ albumin ในเลือดหากเป็นโรค Nephrotic จะมีโปรตีนในเลือดต่ำ
    • ตรวจหาแคลเซี่ยมในเลือดหากไตเสื่อมไม่มากแคลเซี่ยมจะยังคงปกติ แต่หากไตเสื่อมมากแคลเซี่ยมในเลือดจะต่ำลง
    • ตรวจหา Phosphate ในเลือดจะพบว่าสูง
    • ตรวจระดับparathyroid hormone จะพบว่าหากไตเสื่อมมากขึ้นค่านี้จะสูงเพิ่มขึ้น
    • ตรวจหาระดับ Akalinephosphatase จะสูงขึ้นหากมีปัญหาเรื่องกระดูก
    • ตรวจหาระดับไขมันจะพบว่าสูงขึ้น
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจว่ากล้ามเนื้อหัวใจหนาหรือไม่ และมีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือไม่
  • การตรวจหาโรคแพ้ภูมิตัวเอง และโรคติดเชื้ออื่นๆ
    • ตรวจหาว่ามีภูมิต่อโรค SLE Scleroderma,หรือโรคแพ้ภูมิอื่นๆ
    • ตรวจหาว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่
    • ตรวจหาว่าเป็นโรคเอดส์หรือไม่
    1. วัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนักเพือหาดัชนีมวลกาย
    2. การเจาะไตเพื่อวินิจฉัยโรค

    หน้าต่อไปอ่าน การรักษา

    โรคไตวายเรื้อรัง สาเหตุโรคไต การรักษาโรคไต การรักษาความดัน การรักษาเบาหวานและไขมัน การรักษาภาวะแคลเซี่ยมต่ำ การรักษาภาวะโลหิตจาง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด การรักษาโปรตีนในปัสสาวะ ความเสี่ยงการเกิดโรคไต การตรวจวินิจฉัยโรคไต ความรุนแรงโรคไต สาเหตุโรคไต อาการโรคไต โรคไต

    ความเสี่ยงในการเกิดโรคไต ความรุนแรงโรคไต