หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
น้ำมันปรุงอาหาร (cooking oil) หมายถึงน้ำมันพืช หรือน้ำมันสัตว์ ที่ใช้เพื่อการปรุงอาหาร เช่น การทอด (frying) การผัด หรือนำมาปรุงเป็นน้ำสลัด จะต้องคำนึงถึง ปริมาณไขมัน | ชนิดของกรดไขมัน | ส่วนประกอบของกรดไขมัน | รสชาด | วันหมดอายุ | ความร้อนที่ใช้ประกอบอาหาร | กรรมวิธีที่ผลิตน้ำมัน | การดูแลน้ำมัน เพราะนอกจากจะทำให้อาหารเหล่านั้นมีรสชาติที่ดี การเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับชนิด และประเภทของการปรุงอาหารจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย และลดการได้สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
หลักการเลือกน้ำมันในการปรุงอาหาร
แม้ว่าไขมันจะถูกกล่าวหาว่ามีผลเสียต่อสุขภาพ แต่การรับประทานไขมันอย่างเหมาะสมจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ไขมันยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินจากอาหารเพิ่มขึ้น
โดยปกติเราควรจะรับไขมันประมาณ 16-24 กรัม หรือคิดเป็นพลังงานประมาณ 180- 270 แคลอรี่ ดังนั้นในการปรุงอาหารหรือรับประทานอาหารท่านต้องตวงปริมาณไขมันเพื่อที่จะทราบว่าเราได้ไขมันวันละเท่าไร
ส่วนประกอบของน้ำมันปรุงอาหารที่เรารับประทานได้แก่
Type of fat | TF (g) |
SF (g) |
Mono (g) |
Poly (g) |
S P |
---|---|---|---|---|---|
น้ำมันมะพร้าว | 99 | 83 | 6 | 2 | 177 °C (351 °F) |
Ghee | 99 | 62 | 29 | 4 | 204 °C (399 °F) |
Suet | 94 | 52 | 32 | 3 | 200 °C (392 °F) |
เนย | 80-88 | 43-48 | 15-19 | 2-3 | 150 °C (302 °F) |
น้ำมันหมู | 100 | 39 | 45 | 11 | 190 °C (374 °F) |
น้ำมันรำข้าว | 100 | 25 | 38 | 37 | 250 °C (482 °F) |
Vegetable shortening | 100 | 25 | 41 | 28 | 165 °C (329 °F) |
น้ำมันถั่วลิสง | 100 | 17 | 46 | 32 | 225 °C (437 °F) |
น้ำมันถั่วเหลือง | 100 | 15 | 22 | 57-58 | 257 °C (495 °F) |
น้ำมันข้าวโพด | 100 | 13-14 | 27-29 | 52-54 | 230 °C (446 °F) |
น้ำมันมะกอก | 100 | 13-19 | 59-74 | 6-16 | 190 °C (374 °F) |
Sunflower oil (high oleic) | 100 | 12 | 84 | 4 | |
น้ำมันดอกทานตะวัน | 100 | 10 | 20 | 66 | 225 °C (437 °F) |
น้ำมันคาโนลา | 100 | 6-7 | 62-64 | 24-26 | 205 °C (401 °F) |
TF=Total Fat
SF=Saturatd Fat
Mono=Monounsaturated Fat
Poly=Polyunsaturated Fat
S P=Smoking point
Type of fat | TF (g) |
SF (g) |
Mono (g) |
Poly (g) |
S P |
---|---|---|---|---|---|
Sunflower oil (high oleic) | 100 | 12 | 84 | 4 | |
น้ำมันคาโนลา | 100 | 6-7 | 62-64 | 24-26 | 205 °C (401 °F) |
น้ำมันมะกอก | 100 | 13-19 | 59-74 | 6-16 | 190 °C (374 °F) |
น้ำมันถั่วลิสง | 100 | 17 | 46 | 32 | 225 °C (437 °F) |
น้ำมันหมู | 100 | 39 | 45 | 11 | 190 °C (374 °F) |
Vegetable shortening [41] | 100 | 25 | 41 | 28 | 165 °C (329 °F |
น้ำมันรำข้าว | 100 | 25 | 38 | 37 | 250 °C (482 °F) |
Suet | 94 | 52 | 32 | 3 | 200 °C (392 °F) |
Ghee | 99 | 62 | 29 | 4 | 204 °C (399 °F) |
น้ำมันข้าวโพด | 100 | 13-14 | 27-29 | 52-54 | 230 °C (446 °F) |
น้ำมันถั่วเหลือง | 100 | 15 | 22 | 57-58 | 257 °C (495 °F) |
น้ำมันดอกทานตะวัน | 100 | 10 | 20 | 66 | 225 °C (437 °F) |
เนย | 80-88 | 43-48 | 15-19 | 2-3 | 150 °C (302 °F) |
น้ำมันมะพร้าว | 99 | 83 | 6 | 2 | 177 °C (351 °F) |
TF=Total Fat
SF=Saturatd Fat
Mono=Monounsaturated Fat
Poly=Polyunsaturated Fat
S P=Smoking point
Type of fat | TF (g) |
SF (g) |
Mono (g) |
Poly (g) |
S P |
---|---|---|---|---|---|
น้ำมันดอกทานตะวัน | 100 | 10 | 20 | 66 | 225 °C (437 °F) |
น้ำมันถั่วเหลือง | 100 | 15 | 22 | 57-58 | 257 °C (495 °F) |
น้ำมันข้าวโพด | 100 | 13-14 | 27-29 | 52-54 | 230 °C (446 °F) |
น้ำมันรำข้าว | 100 | 25 | 38 | 37 | 250 °C (482 °F) |
น้ำมันถั่วลิสง | 100 | 17 | 46 | 32 | 225 °C (437 °F) |
Vegetable shortening | 100 | 25 | 41 | 28 | 165 °C (329 °F) |
น้ำมันคาโนลา | 100 | 6-7 | 62-64 | 24-26 | 205 °C (401 °F) |
น้ำมันหมู | 100 | 39 | 45 | 11 | 190 °C (374 °F) |
น้ำมันมะกอก | 100 | 13-19 | 59-74 | 6-16 | 190 °C (374 °F) |
Sunflower oil (high oleic) |
100 | 12 | 84 | 4 | |
Ghee | 99 | 62 | 29 | 4 | 204 °C (399 °F) |
Suet | 94 | 52 | 32 | 3 | 200 °C (392 °F) |
เนย | 80-88 | 43-48 | 15-19 | 2-3 | 150 °C (302 °F) |
น้ำมันมะพร้าว | 99 | 83 | 6 | 2 | 177 °C (351 °F) |
TF=Total Fat
SF=Saturatd Fat
Mono=Monounsaturated Fat
Poly=Polyunsaturated Fat
S P=Smoking point
วิธีการที่จะลดไขมันทรานส์
ชนิดของน้ำมัน | ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (%) |
ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (%) |
อิ่มตัว (%) |
---|---|---|---|
น้ำมันมะพร้าว | 2 | 6 | 86 |
เนย | 3 | 21 | 51 |
น้ำมันหมู | 11 | 45 | 39 |
Goose fat | 11 | 56 | 27 |
น้ำมันมะกอก | 10 | 76 | 14 |
Rapeseed oil | 28 | 63 | 7 |
น้ำมันงา | 41 | 40 | 14 |
น้ำมันข้าวโพด | 54 | 27 | 12 |
น้ำมันดอกทานตะวัน | 65 | 20 | 10 |
ไขมันเลวคือไขมันที่รับประทานเข้าไปแล้วส่งผลเสียต่อสุขภาพ ที่สำคัญได้แก่
ไขมันดีมักจะทำมาจากเมล็ดพืช ถั่ว มีด้วยกันสองชนิดคือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว monounsaturated fats และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน polyunsaturated fats
ส่วนไขมัน Omega-6 fatty acids จะป้องกันโรคหัวใจ อาหารที่มีไขมันชนิดนี้คือน้ำมันพืช เช่น น้ำมัดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด
หากใส่ตู้เย็นจะทำให้ยืดอายุได้ประมาณอีก 6 เดือน
การเลือกใช้น้ำมันให้ถูกต้องจะต้องเลือกน้ำมันที่เหมาะสมกับการปรุงอาหาร เช่น การทอด การปิ้ง การอบ หรือการผัด ในการพิจารณาเลือกจะพิจารณาจากอุณหภูมิที่น้ำมันจะกลายเป็นไอ ค่าอุณหภูมิที่มากหมายถึงจะทนความร้อนได้ดีกว่าอุณหภูมิต่ำ น้ำมันที่มีค่าอุณหภูมิต่ำไม่เหมาะที่จะนำมาทอดอาหาร
กระบวนการที่เกิดขึ้นในน้ำมันระหว่างการปรุงอาหาร เมื่อปรุงอาหารเกิดอุณหภูมิเกิดควันน้ำมันก็จะเกิดการระเหย นอกจากนั้นจะต้องดู ความคงตัวในการออกซิเดชัน น้ำมันที่มีความคงตัวต่อออกซิเดชันสูงจะทนต่อความร้อนได้นาน น้ำมันคาโนลาต้องใช้เวลา 7.5 ชั่วโมง ในขณะที่น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น และน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์จะคงอยู่ได้นานตลอดวันที่ 110 °C ของความร้อนต่อเนื่อง ความคงตัวที่แตกต่างกันมีความสัมพันธ์กับระดับกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน พบว่าหากมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูงจะมีความคงตัวในการออกซิเดชั่นต่ำหมายถึงสลายได้ง่าย
ตารางต่อไปนี้แสดงจุดควัน
Fat | Quality | Smoke Point | |
---|---|---|---|
Almond oil | 221°C | 430°F | |
Avocado oil | Refined | 270°C | 520°F |
Mustard oil | 250°C | 480°F | |
Butter | 150°C | 302°F | |
Butter | Clarified | 250°C | 482°F |
Canola oil | 220-230°C | 428–446°F | |
Canola oil (Rapeseed) | Expeller press | 190-232°C | 375-450°F |
Canola oil (Rapeseed) | Refined | 204°C | 400°F |
Canola oil (Rapeseed) | Unrefined | 107°C | 225°F |
Castor oil | Refined | 200°C | 392°F |
Refined, dry | 232°C450°F | ||
Coconut oil | Unrefined, dry expeller pressed, virgin | 177°C | 350°F |
Corn oil | 230-238°C | 446-460°F | |
Corn oil | Unrefined | 178°C | 352°F |
Cottonseed oil | Refined, bleached, deodorized | 220-230°C | 428–446 °F |
Flaxseed oil | Unrefined | 107°C | 225°F |
Lard | 190°C | 374°F | |
Olive oil | Refined | 199-243°C | 390-470°F |
Olive oil | Virgin | 210°C | 410°F |
Olive oil | Extra virgin, low acidity, high quality | 207°C | 405°F |
Olive oil | Extra virgin | 190°C | 374°F |
Olive oil | Extra virgin | 160°C | 320°F |
Palm oil | Difractionated | 235°C | 455°F |
Peanut oil | Refined | 232°C | 450°F |
Peanut oil | 227-229°C | 441-445°F | |
Peanut oil | Unrefined | 160°C | 320°F |
Rice bran oil | Refined | 232°C | 450°F |
Safflower oil | Unrefined | 107°C | 225°F |
Safflower oil | Semirefined | 160°C | 320°F |
Safflower oil | Refined | 266°C | 510°F |
Sesame oil | Unrefined | 177°C | 350°F |
Sesame oil | Semirefined | 232°C | 450°F |
Soybean oil | 234°C | 453°F | |
Sunflower oil | Neutralized, dewaxed, bleached & deodorized | 252-254°C | 486–489°F |
Sunflower oil | Semirefined | 232°C | 450°F |
Sunflower oil | 227°C | 441°F | |
Sunflower oil | Unrefined, first cold-pressed, raw | 107°C | 225°F |
Sunflower oil, high oleic | Refined | 232°C | 450°F |
Sunflower oil, high oleic | Unrefined | 160°C | 320°F |
Grape seed oil | 216°C | 421°F | |
Vegetable oil blend | Refined | 220°C[9] | 428°F |
กรรมวิธีที่ผลิตน้ำมันจะมีผลต่อคุณสมบัติ รสชาด กลิ่น การทำต่อความร้อน และสารอาหารในน้ำมัน กรรมวิธีผลิตที่พบได้บ่อยๆ
วิธีป้องกันมิให้น้ำมันที่เราซื้อมีกลายสลายหรือแปลรูปและเกิดสารพิษ
ชนิดของไขมัน |
พบมากในน้ำมัน |
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว Monounsaturatedไขมันนี้จะลดคอเลสเตอรอล ป้องกันดรคหัวใจ |
Avocados, olives, olive oil, rapeseed oil. Almonds, cashews, hazelnuts, peanuts, pistachios and spreads made from these nuts. |
ไขมันไม่อิ่มตัวชนิด Polyunsaturatedจะลดระดับคอเลสเตอรอลและให้ไขมัน essential fatty acid |
ปลาที่มัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา เม็ดทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง |
ไขมันอิ่มตัว Saturatedรับประทานไขมันอิ่มตัวจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด |
อาหารสำเร็จรูปเช่น sausages, ham, burgers. เนื้อติดมัน ชีส cheeses นม เนย น้ำมัปาล์ม น้ำมันมะพร้าว |
ไขมัน Transให้หลีกเลี่ยงไขมันชนิดนี้ซึ่งจะเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด |
อาหารทอด อาหารสำเร็จรูป ขนมคบเคี้ยว เบเกอรี่ มาร์การีนแข็ง |
การเลือกใช้น้ำมันในการปรุงอาหารนอกจากจะพิจารณาเรื่องส่วนประกอบว่าเป็นไขมันอิ่มตัวหรือไขมันไม่อิ่มตัว จะต้องพิจารณาว่าไขมันชนิดนั้นเหมาะสำหรับวิธีการปรุงอาหารหรือไม่ เช่นการทอดอาหารจะต้องใช้น้ำมันที่ทนต่อความร้อนสูง หากใช้น้ำมันที่ไม่ทนต่อความร้อนจะเกิดการสลายที่เรียกว่า Rancidification ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติของอาหารเสียไป และยังก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งด้วย น้ำมันที่จะนำมาปรุงอาหารได้แก่
ในการปรุงอาหารด้วยน้ำมันมีสองสิ่งที่ท่านจะต้องเลือกคือรสชาด หรือการรับประทานเพื่อสุขภาพ หากท่านมีความรู้ท่านก็สามารถปรุงอสหารที่อร่อยได้รสชาดและมีผลดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งที่ท่านจะต้องมีความรู้คือ
น้ำมันทุกชนิดจะมีค่าพลังงานเท่ากันคือน้ำมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 แคลอรี่
น้ำมันมะกอก extra-virgin olive oil จะป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมัน LDL และเพิ่มไขมัน HDL น้ำมันปาล์มจะเพื่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
นอกจากไขมันแล้วจะต้องคำนึงถึงสารอื่นๆด้วยเพื่อที่จะให้ได้อาหารเพื่อคุณภาพ เช่น การลดน้ำตาล การลดเค็ม
หากท่านต้องการทอดอาหารที่มีน้ำมันท่วม เช่นการทอดไก่ทอด ปลาท่องโก๋ หรือแป้ง ซึ่งจะต้องใช้อุณหภูมิสูง ท่านจะต้องเลือกน้ำมันที่ทนต่อความร้อนสูง
สำหรับการทอดไข่หรือทอดปลาซึ่งใช้ความร้อนไม่สูงก็ต้องเลือกน้ำมันที่เหมาะสม
เนื่องจากความร้อนจะทำให้น้ำมันบางประเภทมีการสลายและกลายเป็นสารที่มีพิษ เช่นไขมันไม่อิ่มตัว
เนื่องจากน้ำมันไขมันไม่อิ่มตัวเมื่อถูกแสง หรือ อากาศ หรือความร้อน จะมีการสลายให้อนุมูลอิสระซึ่งเป็นผลเสียต่อร่างกายดังนั้นควรจะซื้อพอใช้ เก็บในที่เย็น และมืดและไม่ควรจะมีหลายชนิดมากเกินไป การเก็บน้ำมันควรจะเก็บในที่แห้ง เย็น และทิ้งน้ำมันนั้นหากกลิ่น รสชาดหรือสีเปลี่ยนไป
การเลือกน้ำมัปรุงอาหารจะมีวิธีการเลือกดังนี้
ทบทวนวันที่ 26/12/2565
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว