น้ำมันอะโวคาโด การใช้กับโรคผิวหนัง
น้ำมันอะโวคาโดมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง และอาการผิวหนังบางชนิดเนื่องจากมีวิตามินสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันดี อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันอะโวคาโดเพื่อรักษาอาการผิวหนังควรทำด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังก่อนเสมอ
สารอาหารในน้ำมันอะโวคาโด
- โปรตีนและไขมัน น้ำมันอะโวคาโดจะมีโปรตีนและไขมันปริมาณมาก โดยเฉพาะไขมันที่มีผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวหนัง
- มีสาร Sterolin จากการศึกษาพบว่าสารนี้จะทำให้ผิวนุ่ม และลดการเกิดด่างดำบนผิว
- สารต้านอนุมูลอิสระ Antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันอะโวคาโดจะลดความเสียหายที่เกิดจากแดด และมีผลดีกับผิวแห้ง
- สาร Lecithin และโปแตสเซี่ยม น้ำมันอะโวคาโดจะมีสาร lecithin และโปแตสเซี่ยมซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวหนังและเส้นผม
ประโยชน์ของน้ำมันอะโวคาโดต่อผิวหนัง
-
ให้ความชุ่มชื้น: น้ำมันอะโวคาโดมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและวิตามินอีที่ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวที่มีปัญหาเรื่องการขาดความชุ่มชื้น ผู้ที่มีผิวแห้งหรือสภาพผิวที่เกิดจากความแห้งเช่น กลาก สารในน้ำมันอะโวคาโดจซึมผ่านเข้าผิวหนังชั้นลึกทำให้ผิวหนังนุ่มและชุ่มชื้นเป็นเวลานาน น้ำมันอะโวคาโดใช้ได้กับผิวทุกชนิดโดยเฉพาะผิวบางและแห้งจะได้ผลมาก
- ลดการอักเสบ: น้ำมันอะโวคาโดมีสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงในโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) และโรคผิวหนังอักเสบ (eczema)
- ส่งเสริมการสมานแผล: น้ำมันอะโวคาโดช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวหนัง ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- ป้องกันรังสี UV: น้ำมันอะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันผิวหนังจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV
- ทำให้ผิวหนังนุ่ม เนื่องจากน้ำมันอะโวคาโดอุดมทั้งวิตามินอี และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว monounsaturated fatty acids จึงให้ความชุมชื้นกับผิวหนัง วิตามินอี จะลดการอักเสบของผิวหนังและลดอาการคัน สารต้านอนุมูลอิสระจะลดความเสียหายของผิวหนังจากแดดเผา
นอกจากนี้ยังนำน้ำมันอะโวคาโดมาใช้กับผิวหนัง
- น้ำมันอะโวคาโดสามารถป้องกันสิว เมื่อทาน้ำมันอะโวคาโดบนผิวหนัง สารจะถูกดูดซึมและละลายเซลล์ที่ตายให้หลุดออกมาทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนั้นน้ำมันอะโวคาโดยังลดการอักเสบของผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- บำรุงหนังศีรษะ ใช้น้ำอะโวคาโดเป็นประจำจะลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะ ลดการเกิดรังแคและช่วยเร่งการเจริญของเส้นผม
- เพิ่มการสร้างโคลาเจน ใช้น้ำมันอะโวคาโดเป็นประจำจะทำให้ผิวหนังเต่งตึง และลดการเสื่อมของผิวหนังเนื่องจากอายุ
- ใช้ชะลอการเสื่อมของผิวหนัง น้ำมันอะโวคาโดมีคุณสมบัติที่ชลอความเสี่อมของผิวหนัง โดยป้องกันอนุมูลอิสระที่มากระทบกับผิวหนัง
- น้ำมันอะโวคาโดมีประสิทธิภาพป้องกันแสงแดดดีกว่าสารเคมีที่นำมาผลิตเนื่องจากน้ำมันอะโวคาโดมีสารป้องกันแสงแดดมาก และมีไขมันป้องกันผิวหนังจากแสงอาทิตย์
- ทำให้ผิวหนังแข็งแรง เนื่องจากน้ำมันอธโวคาโดอุดมไปด้วย vitamin E,โปแตสเซี่ยม และเลซิติน ซึ่งเป็นสารอาหารสำหรับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังได้รับสารอาหารครบถ้วน
- เร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม
- ลดอาการคันและการอักเสบ สาร oleic acid มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดอาการคันในโรคผิวหนังเรื้อรังเช่น รังแค ส้นเท้าแตก แมลงกัดต่อย ผิวหนังไหม้จากแดดเผา ผิวอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน
- ทำให้แผลหายเร็ว แผลจากแดดเผา แผลถูกมีดบาด แผลผุพอง เมื่อใช้น้ำมันอะโวคาโดเพียงหนึ่งหรือสองหยดก็ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
การใช้น้ำมันอะโวคาโด
วิธีการใช้น้ำมันอะโวคาโดกับโรคผิวหนัง
- การทดสอบแพทช์: ก่อนนำน้ำมันอะโวคาโดไปทาบริเวณกว้างควรทดสอบกับผิวหนังบริเวณเล็กๆ เพื่อตรวจหาอาการแพ้
- ทาโดยตรงบนผิวหนัง: ใช้น้ำมันอะโวคาโดทาบาง ๆ บนผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาวันละ 1-2 ครั้ง หรือตามต้องการ
- ผสมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ: คุณสามารถผสมน้ำมันอะโวคาโดกับครีมหรือโลชั่นที่คุณใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
- ทำเป็นมาสก์หน้า: ผสมน้ำมันอะโวคาโดกับส่วนผสมอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้ง โยเกิร์ต หรือกล้วย เพื่อทำมาสก์หน้าที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว
ข้อควรระวัง
- ทดสอบการแพ้: ก่อนใช้น้ำมันอะโวคาโด ควรทดสอบการแพ้โดยทาน้ำมันอะโวคาโดบาง ๆ ที่บริเวณท้องแขนและทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการระคายเคืองหรือผื่นแดง สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
- หยุดใช้หากเกิดอาการแพ้: หากคุณมีอาการคัน แดงหรือระคายเคืองให้หยุดใช้น้ำมันอะโวคาโดทันทีและปรึกษาแพทย์
- หลีกเลี่ยงบาดแผลเปิด: อย่าใช้น้ำมันอะโวคาโดกับแผลเปิดหรือผิวหนังที่ติดเชื้อ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณมีสภาพผิวให้ปรึกษาแพทย์ หรือแพทย์ผิวหนังก่อนใช้น้ำมันอะโวคาโดเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล
อะโวคาโด | ประโยชน์ของอะโวคาโด | น้ำมันอะโวคาโดกับสุขภาพ | น้ำมันอะโวคาโดกับผิวหนัง