การตรวจการทำงานของตับ Aspartate aminotransferase (AST)

AST หรือ Aspartate aminotransferase; Serum glutamic-oxaloacetic transaminase; SGOT ค่าเอนไซม์ AST เป็นเอนไซม์ที่ใช้ช่วยตรวจวินิจฉัยภาวะโรคตับ และภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหัวใจ โดยเอนไซม์ AST พบได้มากที่ตับ และกล้ามเนื้อหัวใจ และส่วนน้อยพบได้ที่ เซลล์กล้ามเนื้อโครงร่าง, ไต, สมอง, ตับอ่อน, ปอด, เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง ซึ่งแตกต่างจากค่าเอนไซม์ตับ ALT ที่มีความจำเพาะเจาะจงกับตับมากกว่า AST ค่า AST ที่สูงขึ้นจะแปรผันโดยตรงกับจำนวนเซลล์ของอวัยวะ ซึ่งต้องรับอันตราย


ค่า AST จะเริ่มสูงขึ้นเมื่อเซลล์ได้รับบาดเจ็บผ่านไปแล้ว 8 ชั่วโมงโดยผลของเซลล์ที่ได้รับอันตรายให้ต้องบาดเจ็บ เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 8 ชั่วโมง และขึ้นสูงสุดภายใน 24-36 ชั่วโมง
แต่หากการบาดเจ็บของเซลล์มีลักษณะยืดเยื้อเรื้อรัง้ค่าของ AST ก็จะยังคงสูงอยู่ต่อไป

เมื่อไรแพทย์จะส่งตรวจการทำงานของตับ AST

เหตุผลในการส่งตรวจการทำงานของตับ AST

แพทย์บางท่านจะส่งการตรวจการทำงานของตับเหมือการตรวจสุขภาพประจำปี แต่ความจริงการส่งตรวจการทำงานของตับควรจะส่งในรายที่มีความเสี่ยงของการเกิดโรคตับ

แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะส่งตรวจการทำงานของตับในรายที่มีอาการของโรคตับ

ผู้ป่วยมักจะมีอาการดังต่อไปนี้

ค่าปกติของ AST

โดยเหตุนี้ ค่า AST จึงอาจใช้เป็นเพียงตัวร่วมเพื่อบ่งชี้ พร้อมกับค่าผลเลือดตัวอื่นที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะนั้น ๆ เช่น กรณีตัวอย่าง ดังนี้

  1. กรณีโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction, MI) ซึ่งจะเป็นเหตุให้เซลล์หัวใจได้รับบาดเจ็บจากการที่มีออกซิเจนไปส่งให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
    การจะวินิจฉัยว่า เกิดสภาวะ MI หรือไม่เพียงใด แพทย์ท่านอาจจะต้องทราบค่าจากผลตรวจเลือด
    พร้อมกันอย่างน้อย 3 ตัว คือ

กรณีสภาวะความเสียหายของตับ ในชั้นต้น อาจจำเป็นต้องหาผลเลือด จำนวน 2 ตัว คือ

ค่าผิดปกติ

ในทางน้อย มักไม่ใคร่ปรากฏและไม่มีนัยสำคัญ หรืออาจสรุปว่ายังไม่มีโรคสำคัญก็ได้

ค่า ASTมากกว่าปกติ สาเหตุ

ในกรณีค่า AST สูงกว่าปกติเล็กน้อย สาเหตุ

AST สูง 2-5 เท่าจากค่าปกติ สาเหตุ

AST สูง 5-10 เท่าจากค่าปกติ สาเหตุ

AST สูง 10-20 เท่าจากค่าปกติ สาเหตุ

กรณี AST สูงเกินกว่า 20 เท่าของค่าปกติ สาเหตุ

ข้อที่ควรจะคำนึงถึง

เนื่องจากเอนไซม์พบได้ทั้งใน ตับ กล้ามเนื้อ หัวใจ ไต สมอง ตับอ่อน ดังนั้นในการวินิจฉัยโรคจะต้องอาศัยประวัติการเจ็บป่วย และผลเลือดอื่นๆเนื่องจากการตรวจเลือดหาค่า ALT มักจะต้องมี AST ควบคู่มาด้วยเสมอ โดยเหตุนี้ จึงมีผู้เชี่ยวชาญช่วยกันวิเคราะห์ว่า อัตราส่วนระหว่าง AST : ALT นั้น อาจใช้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นตัวบอกข้อบ่งชี้โรคตับได้อย่างหยาบ ๆ โดยมีสถิติที่เคยปรากฏเป็นข้อยืนยัน และเรียกอัตราส่วน ทั้งนี้ DeRitis Ratio ได้อาศัยสถิติที่ผ่านมา รวบรวมเป็นข้อสันนิษฐานโรคเกี่ยวกับตับ สรุปได้ดังนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนของAST : ALT ตามชื่อผู้ค้นคว้าคนแรกนี้ว่า "DeRitis Ratio"

De Ritis Ratio Decision Limit
โรคหรือสุขภาพ <1.0 1.0 to <1.5 1.5 to <2.0 ≥ 2.0

แข็งแรง ผู้หญิง (up to 1.7) เด็ก ทารก
Men (up to 1.3)

ไวรัสตับอักเสบ กำลังดีขึ้น แย่ลง ตับวาย

ตับอักเสบจากสุรา กำลังดีขึ้น ติดสุรา ตับอักเสบเฉียบพลัน

โรคตับเรื้อรัง คงที่ เสี่ยงต่อการเกิดพังผืด Other Causes

โรคกล้ามเนื้อ เรื้อรัง กำลังดีขึ้น เฉียบพลัน

ก่อนการตรวจเลือดต้องแจ้งแพทย์เรื่องต่อไปนี้

ค่าเอนไซม์ที่สูง

Albumin | Globulin | Alkaline phosphatase | AST | ALT | Bilirubin | การแข็งตัวของเลือด | Gamma Glutamic Transpeptidase | lactic dehydrogenase test | การตรวจการทำงานของตับ

ทบทวนวันที่22/1/2566

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

Google
 

เพิ่มเพื่อน