การตรวจเม็ดเลือดขาว white bllod cell
ในเลือดของคนเราประกอบไปด้วยน้ำเหลือง เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด แม้จะมีปริมาณเพียงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของน้ำเลือด แต่เม็ดเลือดขาวก็มีบทบาทในการต่อต้านโรคร้ายต่างๆ และโรคติดเชื้อ
เม็ดเลือดขาวนั้นมีหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันได้แก่
- Neutrophils (นิวโตรฟิลส์)
- Eosinophils (อีโอซิโนฟิลส์)
- Basophils (เบโซฟิลส์)
- Monocytes (โมโนไซต์)
- Lymphocytes (ลิมโฟไซต์)
หน้าที่ของเม็ดเลือดขาว
โดยหลักแล้วหน้าที่ของเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ป้องกันโรคเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งการต่อต้านโรคที่ไม่ใช่การติดเชื้อ เช่นโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ และการติดเชื้อทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย เม็ดเลือดขาวจะสร้างที่ไขกระดูกและลำเลียงไปสู่ร่างกายทางหลอดน้ำเหลือง และเลือด เม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดจะทำหน้าที่ต่างกันออกไปแต่อาจจะทำงานร่วมกัน เช่น เม็ดเลือดชนิด Neutrophils จะทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และทำให้เกิดการอักเสบ Eosinophils และ Basophils จะทำหน้าที่เกี่ยวกับภูมิแพ้ ส่วน Monocytes และ Lymphocytes จะทำหน้าที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
การนำเดือดมาตรวจ
เจ้าหน้าที่จะให้ผู้ป่วยนั่งเก้าอี้เหยียดแขนข้างที่จะเจาะเลือด เจ้าหน้าที่จะรัดแขนเหนือข้อศอก และตรวจหาเส้นเลือดที่จะเจาะ หลังจากนั้นจะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณที่จะเจาะ เจ้าหน้าที่จะนำเข็มพร้อมทั้ง syrinx มาเจาะเลือด เมื่อได้จำนวนตามต้องการแล้ว เจ้าหน้าที่จะคลายสายยาง ดึงเข็มออกจากผิวหนัง และใช้สำลีหรือผ้า gauzeกดบริเวณที่เจาะ ให้กดหรือพับแขนไว้สักครู่จนเลือดหยุด
ค่าปกติของ WBC
ผู้ใหญ่ (ชาย/หญิง) : WBC count : 5,000 – 11,000 cells/cu.mm.
ค่าผิดปกติ
เม็ดเลือดขาวต่ำหรือที่เรียกว่า Leukopenia ซึ่งมีสาเหตุ
- ร่างกายกำลังได้รับพิษจากยา (drug toxicity) เช่น การได้พิษจากยาเคโมรักษามะเร็ง หรือวิธีเคมีบำบัด (chemotherapy)
- ไขกระดูกมีความผิดปกตไม่สามารถสร้างเม็ดเลือด (bone marrow failure) เช่น เนื้องอก การติดเชื้อ ยาที่กดไขกระดูก
- ร่างกายติดเชื้ออย่างรุนแรง (overwhelming infection) โดยทั่วไปการติดเชื้อเม็ดเลือดขาวจะสูง หากหากการติดเชื้อรุนแรงมากอาจจะเกิดเม็ดเลือดขาวต่ำ
- ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามิน บี 12 กรดฟอลิกหรือธาตุเหล็ก ฯลฯ
- ม้ามทำงานมากเกินไป (hypersplenism) โดยดักจับเก็บเม็ดเลือดขาวไว้อย่างมากผิดปกติจาก
เม็ดเลือดขาวมากหรือที่เรียกว่า leukocytosis
- ร่างกายอาจกำลังได้รับเชื้อโรค หรือเกิดโรคจากจุลชีพก่อโรคที่หลุดเข้าสู่ร่างกาย จึงกระตุ้นให้ต้องเร่งสร้างจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น
- อาจเกิดโรคสร้างเม็ดเลือดขาวมากผิดปกติจากไขกระดูก (myeloproliferative disorders)
- อาจกำลังเกิดมะเร็งชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)
- อาจกำลังเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ (trauma) เช่น เกิดจากความเครียด หรือริดสีดวงทวาร อุบัติเหตุ แผลไฟไหม้
- มีโรคที่เกิดการอักเสบ เช่น rheumatoid arthritis หรือภูมิแพ้ allergy
- อาจเกิดสภาวะการขาดน้ำ
- ต่อมไทรอยด์อาจทำงานมากเกินไป
- อาจกินยากลุ่ม steroid มานานเกินไป
การแปลผล
ในการรายงานผลแต่ละแห่งอาจจะใช้คำไม่เหมือนกันเช่น Neutrophil,polymorphonuclear cell,PMN ทั้งหมดคือความหมายเดียวกัน การแปลผลเม็ดเลือดขาวจะต้อง
- ดูจำนวนเม็ดเลือดขาวว่าจำนวนมากหรือน้อยซึ่งจะพบว่าอาจจะมีค่าปกติ สูง หรือต่ำ
- หลังจากดูจำนวนเม็ดเลือดขาวจึงมาดูชนิดของเม็ดเลือดขาว ว่าแต่ละชนิดมีจำนวนเท่าไรเมื่อเทียบกับจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด การรายงานจะออกมาในรูป % เช่น Neutrophil …………….%
- หากอยากรู้ว่าเซลล์แต่ละชนิดมีเท่าไรก็ให้นำ%ที่ได้คูณด้วยจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด หารด้วย100 ก็จะได้เซลล์เม็ดเลือดขาวแต่ละชนิด
- พิจารณาถึงจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดว่ามีมากไปน้อยน้อยไปจากค่าปกติ
- หลังจากนั้นก็ดูความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวว่ามีรูปร่างผิดปกติ หรือมีตัวอ่อนออกมามากน้อยแค่ไหน
Hemoglobin | Hematocrit | Red blood cell | Inclusion body | เม็ดเลือดแดง | Reticulocyte count | MCV | MCHC | MCH | ลักษณะเม็ดเลือดแดง | เกล็ดเลือด | เม็ดเลือดขาว | Neutrophil | Lymphocyte | Eosinophil | Monocyte | Basophil | Rh | กรุปเลือด