น้ำมันรำข้าวผสมถั่วเหลือง: ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดี
การผสมน้ำมันรำข้าวและน้ำมันถั่วเหลืองเพื่อสุขภาพหัวใจนั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เนื่องจากทั้งสองชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจที่แตกต่างกันไป
สัดส่วนที่แนะนำ:
- น้ำมันรำข้าว : น้ำมันถั่วเหลือง = 1:1 สัดส่วนนี้จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากทั้งสองชนิดอย่างสมดุล
เหตุผล:
- น้ำมันรำข้าว: มีสารแกมมา-โอไรซานอล (Gamma Oryzanol) ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด นอกจากนี้ยังมีวิตามินอีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- น้ำมันถั่วเหลือง: มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง (Polyunsaturated Fats) โดยเฉพาะโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ปริมาณแกมมา-โอไรซานอลในน้ำมันรำข้าวอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและคุณภาพของวัตถุดิบ
สรุป:
- น้ำมันรำข้าวมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงและมีสารต้านอนุมูลอิสระแกมมา-โอไรซานอล
- น้ำมันข้าวโพดและน้ำมันถั่วเหลืองมีโอเมก้า-6 สูง ซึ่งควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
คำแนะนำ:
- ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากกรดไขมันชนิดต่างๆ อย่างครบถ้วน
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับสุขภาพของคุณ
ตารางแสดง พลังงานทั้งหมด ไขมันทั้งหมด จุดเกิดควัน และโภชนาการของน้ำมันต่าง ๆ (กิโลแคลอรี/ช้อนโต๊ะ) (กรัม/ช้อนโต๊ะ) (องศาเซลเซียส)
คุณสมบัติ/ชนิดน้ำมัน |
น้ำมันรำข้าวสกัดเย็น |
น้ำมันรำข้าวชนิด Refined |
น้ำมันถั่วเหลือง |
น้ำมันผสม รำข้าว:ถั่วเหลือง
1:1 |
ลักษณะทางกายภาพ |
สีเหลืองเข้ม กลิ่นหอม |
สีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมเล็กน้อย |
สีเหลืองอ่อน กลิ่นและรสชาติอ่อน ๆ |
สีเหลืองอ่อน กลิ่นและรสชาติอ่อน ๆ |
พลังงานทั้งหมด |
120 |
120 |
120 |
120 |
ไขมันทั้งหมด |
14 |
14 |
14 |
14 |
จุดเกิดควัน |
~180 |
254 |
232 |
ประมาณ 243 |
ไขมันอิ่มตัว |
1.9 |
1.9 |
1.8 |
1.85 |
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว |
4.5 |
4.5 |
2.7 |
3.6 |
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน |
6.5 |
6.5 |
7.8 |
7.15 |
โอเมก้า-3 |
0.2 |
0.2 |
0.9 |
0.55 |
โอเมก้า-6 |
6.3 |
6.3 |
6.9 |
6.6 |
วิตามิน E (มิลลิกรัม/ช้อนโต๊ะ) |
สูง |
ต่ำ |
1.1 |
ปานกลาง |
แกมมา-โอริซานอล (ppm) |
สูง |
ต่ำ |
- |
ปานกลาง |
จุดเด่นทางโภชนาการ |
มีสารแกมมา-โอริซานอล และวิตามิน E สูง |
มีจุดเกิดควันสูง |
มีโอเมก้า-3 |
มีสารแกมมา-โอริซานอล และโอเมก้า-3 |
เหมาะสำหรับการปรุงอาหาร |
น้ำสลัด |
ทอด ผัด อบ |
ผัด |
ทอด ผัด |
หมายเหตุ:
- ค่าโภชนาการของน้ำมันผสมเป็นค่าประมาณการจากการเฉลี่ยของน้ำมันรำข้าวและน้ำมันถั่วเหลืองในสัดส่วน 1:1
- จุดเกิดควันของน้ำมันผสมเป็นค่าประมาณการ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับคุณภาพและแหล่งที่มาของน้ำมันแต่ละชนิด
- น้ำมันรำข้าวสกัดเย็นมีวิตามิน E และแกมมา-โอริซานอลสูง แต่จุดเกิดควันต่ำ ไม่เหมาะสำหรับการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง
- น้ำมันรำข้าวชนิด Refined มีจุดเกิดควันสูง เหมาะสำหรับการทอดและผัด แต่มีวิตามิน E และแกมมา-โอริซานอลต่ำ
- น้ำมันผสมรวมข้อดีของน้ำมันรำข้าวและน้ำมันถั่วเหลืองไว้ด้วยกัน คือมีทั้งสารแกมมา-โอริซานอล และโอเมก้า-3 เหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่หลากหลาย
- การเลือกใช้น้ำมันควรพิจารณาถึงจุดประสงค์การใช้งานและความต้องการทางโภชนาการเป็นหลัก
ปริมาณไขมันที่เรารับประทาน
เปอร์เซ็นต์ของไขมันทั้งหมด: แนวทางโภชนาการสำหรับชาวอเมริกันปี 2020-2025 แนะนำว่า 20-35% ของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวันของคุณควรมาจากไขมัน ซึ่งรวมถึงไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
เปอร์เซ็นต์ของไขมันทั้งหมด: แนวทางโภชนาการสำหรับชาวอเมริกันปี 2020-2025 แนะนำว่า 20-35% ของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวันของคุณควรมาจากไขมัน ซึ่งรวมถึงไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
ไขมันอิ่มตัว
American Heart Association แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่จากไขมันอิ่มตัว 5% ถึง 6%
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการแคลอรี่ประมาณ 2,000 แคลอรี่ต่อวัน คุณก็ไม่ควรได้รับแคลอรี่จากไขมันอิ่มตัวเกิน 120 แคลอรี่
นั่นเป็นไขมันอิ่มตัวประมาณ 13 กรัมต่อวัน
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
- สำหรับการรับประทานอาหาร 2,000 แคลอรี่:นั่นเท่ากับว่าคุณได้รับไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนรับประทานได้ร้อยละ5-10 ประมาณ 33-44 กรัมต่อวัน
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ:
- กรดไขมันโอเมก้า 3:พบในปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีน รวมถึงเมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท และเมล็ดเจีย ปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน โดยเฉพาะ EPA และ DHA รวมกัน โดยทั่วไปอยู่ที่ 250-500 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง1
- กรดไขมันโอเมก้า 6:พบในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน รวมถึงถั่วและเมล็ดพืช
- สำหรับผู้ชายอายุ 19-50 ปีปริมาณการบริโภคที่เพียงพอคือ 17 กรัมต่อวัน
- สำหรับสตรีอายุ 19-50 ปีปริมาณการบริโภคที่เพียงพอคือ 12 กรัมต่อวัน
แม้ว่าทั้งสองประเภทจะมีความจำเป็น แต่โดยทั่วไปขอแนะนำให้รักษาสมดุลระหว่างทั้งสองประเภท ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้ใช้โอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 ในอัตราส่วนประมาณ 4:1
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
ปริมาณการบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน โดยทั่วไปจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของปริมาณแคลอรี่ที่คุณควรบริโภคต่อวัน
- คำแนะนำทั่วไปคือให้ตั้งเป้าว่า15-20% ของแคลอรี่ทั้งหมดในแต่ละวันมาจากไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
ในการแปลงเป็นกรัม เราต้องทราบเป้าหมายแคลอรี่รายวันของคุณ ตัวอย่างเช่น:
- หากคุณรับประทานอาหาร 2,000 แคลอรี่ปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่แนะนำคือ 44-78 กรัมต่อวัน
คำแนะนำ:
- สำหรับการทอด ควรเลือกใช้น้ำมันรำข้าวชนิด Refined หรือน้ํามันผสม เนื่องจากมีจุดเกิดควันสูง ทนความร้อนได้ดี และลดโอกาสการเกิดสารอันตราย
- สำหรับการผัด สามารถเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ํามันผสมได้
- สำหรับน้ำสลัดหรืออาหารที่ไม่ผ่านความร้อน ควรเลือกใช้น้ำมันรำข้าวสกัดเย็นเพื่อได้รับวิตามิน E และแกมมา-โอริซานอล อย่างเต็มที่
- ควรบริโภคน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม และสลับสับเปลี่ยนชนิดของน้ำมันเพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่หลากหลาย
- ปริมาณน้ำมันที่เราจะรับได้เท่ากับ 2000แคลรอรีคูรร้อยละ30 ดังนั้นคิดเป็นพลังงานเท่ากับ 600แคลอรี
- ปริมาณพลังงาน 600 แคลรอรีจะเท่ากับปริมาณไขมัน 600 หารด้วย9 เท่ากับ67 กรัม
- จะรับประทานน้ำมันได้ไม่เกิน 5 ช้อนโต๊ะ
- ปริมาณไขมันอิ่มตัวของน้ำมัน 5 ช้อนโต๊ะเท่ากับ 9.2 กัมซึ่งไม่เกิน13กรัม
- น้ำมัน 5 ช้อนโต๊ะจะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18 กรัมซึ่งน้อยกว่ามาตรฐาน
- น้ำมัน 5 ช้อนโต๊ะจะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 35.7 กรัมซึ่งไม่เกิน
- น้ำมัน 5 ช้อนโต๊ะจะมีโอเมก้า-3 เท่ากับ 2.7 กรัม
- น้ำมัน 5 ช้อนโต๊ะจะมีโอเมก้า-6 เท่ากับ 33 กรัม
- อัตราส่วนระหว่าง โอเมก้า-6ต่อโอเมก้า-3 ประมาณ11 เท่า
น้ำมันผสมระหว่างน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันถั่วเหลือง 1ต่อ1 ไม่ได้ส่งเสริมสุขภาพ
วิธีใช้:
- ประกอบอาหาร: เหมาะสำหรับการผัด ทอด หรืออบอาหาร เนื่องจากมีจุดเกิดควันสูง
- ทำน้ำสลัด: ให้รสชาติที่กลมกล่อมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- รับประทานสด: สามารถรับประทานน้ำมันผสมนี้ได้โดยตรง เช่น ราดบนสลัด หรือผสมกับโยเกิร์ต
ข้อควรระวัง:
- เลือกใช้น้ำมันคุณภาพดี: ควรเลือกใช้น้ำมันรำข้าวและน้ำมันถั่วเหลืองที่สกัดเย็น (Cold-Pressed) และไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารสูงสุด
- เก็บรักษาอย่างเหมาะสม: ควรเก็บน้ำมันผสมนี้ในขวดทึบแสงและเก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- หากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเปลี่ยนแปลงอาหารหรือใช้น้ำมันชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นประจำ
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพโดยรวมก็เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพหัวใจเช่นกัน
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มสมุนไพรหรือเครื่องเทศอื่นๆ ลงในน้ำมันผสมนี้เพื่อเพิ่มรสชาติและประโยชน์ เช่น กระเทียม พริกไทยดำ หรือโรสแมรี่
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ
น้ำมันรำข้าวผสมน้ำมันคาโนลา | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันมะพร้าว | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันข้าวโพด | น้ำมันรำข้าวผสมกับเมล็ดแฟล์ก | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันหม | น้ำมันรำข้าวผสมกับผสมกับน้ำมันมะกอก | น้ำมันรำข้าวผสมกับปาล์ม | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันถั่วลิสง | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันดอกคำฝอย | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันงา | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันถั่วเหลือง | น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันดอกทานตะวัน | น้ำมันรำข้าวผสมน้ำมันอื่น
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว